svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ขีดเส้นตายกทม. รับหนี้รถไฟฟ้า

24 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยหลังการประชุมโอนย้ายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่มีนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน วานนี้ (23 เม.ย.)


ว่า ที่ประชุมขอให้ กทม.เร่งรัดการรับโอนหนี้สินและทรัพย์สินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้ง 2 ช่วงจาก รฟม. โดยต้องการให้ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) ในเดือน พ.ค.2561 มีมติรับรองเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ จากนั้นก็ให้รีบนำเสนอและแจ้งกระทรวงคมนาคมโดยเร็ว เพื่อยืนยันถึงเจตนาที่ กทม.จะเป็นผู้เดินรถไฟฟ้าสีเขียวให้ชัดเจนมากขึ้น


"ผู้แทนของ กทม.ที่มาร่วมประชุมครั้งนี้แจ้งให้ทราบเบื้องต้นว่า ผู้บริหาร กทม.จะผลักดันในสภา กทม.อย่างเต็มที่เพื่อให้รับโอนหนี้สินค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวดังกล่าว ส่วนผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรต้องรอการประชุมสภา กทม. ส่วนเรื่องเงินที่จะนำมาจ่ายนั้นยังไม่ได้หารือกันว่าจะนำมาจากไหน เพราะเป็นเรื่องของ กทม.และถ้าสภา กทม.ไม่มีข้อสรุปภายในเดือน พ.ค.นี้ รฟม.พร้อมที่จะเดินรถเองเพราะ ได้เตรียมความพร้อมไว้คู่ขนานกัน เพียงแต่รอมติที่ประชุมสภา กทม.ก่อนจึงจะเปิดเผยรายละเอียดแผนสำรอง" นายภคพงศ์ กล่าว


ขีดเส้นตายกทม. รับหนี้รถไฟฟ้า




ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รฟม.เสนอแผนเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งจะเปิดบริการเดือน ธ.ค.นี้ ไปกระทรวงคมนาคมแล้ว โดยเสนอด้วยว่า รฟม.พร้อมจะดำเนินการเปิดเดินรถเองในเดือน ธ.ค.นี้แน่นอน ส่วนจะจ้างรถไฟฟ้าบีทีเอสให้เดินรถต่อหรือไม่ เป็นอำนาจของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2560 (พีพีพี) โดยจะเร่งรัดเปิดบริการให้ได้ตามกำหนด ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันและเชื่อว่าจะให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถเดินรถได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมฯ กระทรวงคมนาคมขอให้ กทม.เร่งรัดเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภา กทม.ให้ได้ข้อสรุปและแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พ.ค.นี้ และหาก กทม.ดำเนินการไม่ทัน กระทรวงจะมอบหมายให้ รฟม.ดำเนินการเอง เพราะระหว่างที่รอคำตอบจาก กทม. ซึ่ง รฟม.ได้ดำเนินการคู่ขนานไปด้วยและทำรายงานพีพีพีส่งให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา

กระทรวงคมนาคมจะใช้เวลาพิจารณาเวลา 60 วัน ถ้าผ่านความเห็นชอบ ก็จะเสนอเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาต่อไป ซึ่งขึ้นอยู่กับ สคร.ว่าจะให้มีการเปิดประมูลแบบการเรียกรายเดิมมาเจรจาตรง หรือเปิดประมูลแบบหาเอกชนรายใหม่ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้ย้ำในที่ประชุมว่าจะต้องเปิดเดินรถให้ทันภายในเดือน ธ.ค.นี้


สำหรับกรณีที่ รฟม.จะดำเนินการเดินรถเองนั้น คาดว่าจะต้องเสนอรายงานพีพีพีให้ผ่านความเห็นชอบทั้งหมดภายในเดือน ก.ค.จากนั้นจะต้องประกาศเชิญชวนและเจรจากับเอกชนให้จบภายในเดือนสิ้นเดือน ต.ค. และลงนามสัญญาภายในเดือน ธ.ค.


รายงานข่าวกล่าวถึงภาระหนี้สินที่ กทม.ต้องจ่ายให้ รฟม.ว่า กทม.ต้องรับผิดชอบค่าโครงสร้างพื้นฐานประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท และค่างานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลและระบบเดินรถ (อีแอนด์เอ็ม) ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท รวมวงเงินที่ กทม.ต้องรับผิดชอบทั้งหมดประมาณ 7.8 หมื่นล้านบาท โดยกำหนดให้ กทม.ชำระตั้งแต่ปี 2573 เป็นต้นไป และต้องชำระคืนค่างานทั้งหมดในปี 2585

logoline