"ring of steel" อาวุธอันตราย "รัสเซีย" ใช้พิทักษ์ "ซีเรีย"

และสหรัฐฯก็รู้ดีว่า รัสเซียได้วางเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศเอาไว้ให้ผู้นำซีเรียโดยเฉพาะอาวุธที่อยู่ในข่ายอันตรายที่สุดในโลกอย่างขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน ที่สามารถสอยทั้งขีปนาวุธและอากาศยานที่อยู่ในรัศมีเกือบ 400 ก.ม. ได้อย่างแม่นยำ


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ทวีตเตือนรัสเซียว่า ให้เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีซีเรีย และรัสเซียไม่ควรเป็นพวกเดียวกับผู้นำซีเรียที่ฆ่าประชาชนของตัวเอง อย่างเพลิดเพลิน ขณะที่รัสเซียระบุว่า ผู้นำซีเรียได้รับการคุ้มกันจาก "ring of steel" หรือเครือข่ายขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S-400 ที่ติดตั้งไว้ทั่วประเทศ และ S-400 ได้ชื่อว่าเป็นระบบที่ล้ำหน้าที่สุด และอยู่ในข่ายอันตรายที่สุดในโลก มันถูกออกแบบมาให้ทำลายอากาศยานและขีปนาวุธ ที่รวมทั้งขีปนาวุธพิสัยกลางและเป้าหมายทางภาคพื้นดินอื่นๆ

S-400 ถูกติดตั้งในซีเรียครั้งแรกเมื่อปี 2558 เพื่อพิทักษ์น่านฟ้าส่วนใหญ่ของประเทศและป้องปรามตุรกี หลังเครื่องบินรบของตุรกียิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียตกในพรมแดนซีเรียในปีเดียวกัน ระบบนี้สามารถโจมตีเป้าหมาย 80 เป้าหมาย ที่เข้ามาในระยะ 400 ก.ม. ในครั้งเดียว ขณะที่ตัวมันเองขับเคลื่อนไปด้วยความเร็วมากกว่า 16,000 ก.ม./ช.ม.


แหล่งข่าวระบุว่า ถ้าสหรัฐฯ อังกฤษและฝรั่งเศส หวังจะโจมตีซีเรีย ก็จะต้องใช้ปฏิบัติการจากฐานที่อยู่ไกลจากวิถีของ S-400 เพื่อให้ปลอดภัยพอที่เครื่องบินจะไม่ถูกสอย


ขณะที่ในรัสเซียก็ติดตั้งระบบนี้ทั่วประเทศ โดยโฆษกของทำเนียบเครมลิน ระบุว่าภารกิจหลักของกองกำลังขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของกองทัพอากาศรัสเซีย คือการป้องกันภัยทางอากาศ, ปกป้องหน่วยงานสำคัญของรัฐและทหาร, อุตสาหกรรมและสิ่งปลูกสร้างด้านพลังงาน กองทัพและการคมนาคมขนส่ง

ความวิตกเกี่ยวกับ S-400 เพิ่มขึ้น หลังจากนายอเล็กซานเดอร์ ซาซิปคิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเลบานอน กล่าวว่า ขีปนาวุธของสหรัฐฯ ที่ถูกยิงมายังซีเรียจะถูกสอยหมด และฐานที่ใช้ยิงก็จะตกเป็นเป้าด้วย


ท่าทีที่แข็งกร้าวของรัสเซีย ได้เกิดขึ้นหลังจากรัสเซียอ้างว่า ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพไม่พบหลักฐานว่ามีการใช้สารพิษในพื้นที่ที่ประธานาธิบดีอัสซ้าดถูกกล่าวหาใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนของตัวเองในเมืองดูมา ที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายกบฎ และยืนยันว่า เป็นสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอาสาสมัครป้องกันภัยพลเรือน "White Helmets" ที่เข้าไปในพื้นที่ และยังอ้างการเปิดเผยของแพทย์ในโรงพยาบาลท้องถิ่นด้วยว่า ไม่ได้รักษาผู้ป่วยที่ตกเป็นเหยื่อของอาวุธเคมีแต่อย่างใด



ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศได้ตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐฯวางแผนโจมตีซีเรีย ก็เพื่อจะทำลายหลักฐานเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องอาวุธเคมี ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแสวงหาความชอบธรรมให้ตะวันตกเข้าแทรกแซงในซีเรีย