พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวค่อไปว่า ขณะเดียวกันการทำประมงนอกน่านน้ำ เราวางระบบไว้เรียบร้อยแล้ว แต่มีบางเรื่องที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะเรื่องการจัดการกองเรือ ซึ่งเรารายงานเรื่องการขายเรือให้ทางต่างประเทศจำนวนหลักร้อย แต่หลักฐานที่ต่างประเทศตอบกลับมามีจำนวน 29 ลำ อียูจึงอยากให้เรานำข้อมูลและเอกสารการขายให้ต่างประเทศมายืนยันว่ามีจริงหรือไม่ แล้วเรือที่ขายออกไปจะวนกลับมาที่ประเทศอีกหรือไม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นข้อกังวลที่เขาห่วงใย นอกจากนี้ยังมีตัวเลขของเรือที่จมน้ำและเรือที่ชำรุดที่มีจำนวนไม่ตรงกันซึ่งจะมีการตรวจสอบให้ชัดเจน โดยกรมเจ้าท่าและกรมประมงจะต้องเข้าไปแก้ไขปรับปรุง ทั้งนี้หลังวันสงกรานต์ ตนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการปลดใบเหลือง ใบแดง แต่เพื่อให้การทำประมงเกิดความยั่งยืน จะต้องมีเรือและเครื่องมือที่เหมาะสมกับจำนวนปลา
เมื่อถามว่า อียูติดใจเรื่องอะไรบ้าง พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า อียูชื่นชมเรา 3 เรื่อง จากการตรวจสอบใน 6 เรื่อง ส่วนเรื่องที่อียูชื่นชมจะมีโอกาสทำให้ปลดธงเหลืองได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะคนที่มาตรวจเป็นเพียงระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและระดับปฏิบัติการ ซึ่งตนเข้าใจว่าต้นเดือนพ.ค.เขาจะนำผลการตรวจสอบและประเมินไปประชุม เพื่อสรุปเป็นรายละเอียดให้เราทราบอีกครั้ง เมื่อถามว่า ผลการตรวจครั้งนี้จะทำให้ปลดล็อคธงเหลืองได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย ว่า เราดำเนินการเรื่องนี้มาเยอะ และจากที่อียูมาตรวจสอบเขาบอกกับเจ้าหน้าที่ของเราว่า มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก
เมื่อถาม ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการประมงประท้วงไม่พอใจในการออกกฎหมายที่เข้มงวดของรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังพูดคุยทำความเข้าใจ แต่ต้องบอกว่า กติกาที่มีเราทำร่วมกันตลอด ทั้งนี้การขึ้นทะเบียนแรงงานประมงต่างด้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีแรงงานประมงที่ผิดกฎหมาย การทำประมงอาจจะมีพวกที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเข้ามา แต่หากมีการลับลอบเข้ามา เราตรวจสอบได้เพราะมีขั้นตอนอยู่