svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ชื่นมื่นสงกรานต์ ลูกอ้อนข้ามโขง "ผมอยากกลับบ้าน"

12 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"รู้สึกคิดถึงเมืองไทยมาก อยากกลับบ้าน แต่ต้องรอให้สถานการณ์สงบเรียบร้อยกว่านี้ก่อน" "ผมอยากกลับบ้าน อีกนิดเดียว ไม่นานเกินรอ"

วันนี้คนไทยส่วนใหญ่เริ่มวันหยุดวันแรก และเตรียมตัวสนุกสนานกับการเล่นน้ำสงกรานต์เนื่องในวันปีใหม่ไทยกันแล้ว




แต่คอลัมน์วันนี้ในอดีต ยังทำหน้าที่ต่อไปเพื่อหยิบยกเหตุการณ์สำคัญในสังคมไทย มาบอกเล่ารำลึกความหลังกันพอให้หายคิดถึง




วันนี้นำเสนอเหตุการณ์หนึ่ง ที่ไม่กล้าฟันธงว่าจะมีคนจำได้หรือลืมไปแล้ว แต่ก็นับเป็นข่าวที่สร้างกระแสในเวลานั้นได้พอสมควร




คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ของ 6 ปีก่อน หรือตรงกับวันที่ 12 เม.ย.2555 เมื่ออดีตนายกฯ คนดังของคนไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้ามาเฉียดฝั่งไทย ใกล้ที่สุดที่ สปป.ลาว




ถามว่ามาทำอะไร แน่นอน ช่วงสงกรานต์แบบนี้ทางพี่น้องฝั่งลาวเขาก็มีกิจกรรมเหมือนกัน!




โดยที่หอสภาธรรม วัดธาตุหลวง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาวเขาได้เดินทางไปทำพิธีบุญบายศรีสู่ขวัญ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตตนเอง




ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่าในระหว่างทำพิธีนั้นด้านนอกก็มีการแจกมีการแจกขันน้ำขนาดเล็ก และพัดทรงกลมสี่สี ระบุข้อความว่า "สงกรานต์ปีนี้2555 ขอให้น้ำสงกรานต์ทำความชุ่มฉ่ำมาสู่พี่น้องชาวไทย ขอให้มีน้ำใจที่มีเมตตาต่อกัน มาร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ทำให้ไทยเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง ขอให้มีความสุขทุกคนครับ ด้วยรักและปรารถนาดี" ลงชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ 13เม.ย.55 ให้กับกลุ่มเสื้อแดงที่มาต้อนรับ



จากนั้น หลังเสร็จพิธี พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้กล่าวปราศรัยสั้นๆ กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปรอต้อนรับโดยระบุว่า




"รู้สึกคิดถึงเมืองไทยมาก อยากกลับบ้าน แต่ต้องรอให้สถานการณ์สงบเรียบร้อยกว่านี้ก่อน และขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยทุกคน ที่เดินทางมาพบที่ประเทศลาว การทำบุญในครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำบุญร่วมกัน เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาสงบสุข พี่น้องกินดีอยู่ดีไม่เป็นหนี้เป็นสินอีก ขณะเดียวกันอยากจะกอดทุกคน แต่รัฐบาลลาว เค้าจัดกำลังรักษาความปลอดภัยไว้ให้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายกับทุกคน"

พร้อมกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อ้อนถามกลุ่มคนเสื้อแดงว่า อยากให้กลับบ้านใช่ไหม พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า "ผมอยากกลับบ้าน อีกนิดเดียว ไม่นานเกินรอ"




อย่างไรก็ตาม ที่เห็นๆ กันว่ามาเล่นน้ำสงกรานต์ ยังมีวาระอื่นๆ ด้วย โดยทีมข่าวคมชัดลึกเคยรายงานไว้ว่า วาระที่มาหนนั้นยังมีเรื่องของการสะเดาะเคราะห์แก้กรรม เป็นหมายพิเศษ!!




โดยแผนการเดินทางมาทำบุญที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ส.ป.ป.ลาว) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นับแต่ัวันที่ 11 เม.ย. 2555 มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำเอาแกนนำเสื้อแดง และสมาชิกบ้านเลขที่ 111 บางคนรู้สึกหงุดหงิดและผิดหวัง




เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะรัฐบาลลาวเป็นผู้กุมกำหนดการไว้หมด เริ่มจากตอนแรกเวลา 11.30 น. เดิมเครื่องบินส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะลงจอดสนามบินวัดไต ก็ถูกเปลี่ยนไปลงสนามบินทหารรัฐบาลลาวแทน ซึ่งรัฐบาลลาวรับตัวทักษิณ เข้าไปในทำเนียบรัฐบาล โดยเขาอ้างเหตุผลเรื่องความปลอดภัย จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ




ช่วงบ่ายมีโปรแกรมไปบรรยายพิเศษให้นักธุรกิจลาว ที่โรงแรมดอนจันพาเลซ ก็มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการทั้งหมด โดยบางหมายอาจถูกยกเลิก บางหมายได้เปลี่ยนเวลา และบางหมายกลายเป็นภารกิจ ว.5 ซึ่งแม้แต่คนใกล้ชิดทักษิณที่คอยประสานงานก็ไม่สามารถล่วงรู้กำหนดการได้เลย โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลลาว




บ่ายสามโมง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปยังวัดสีเมือง ซึ่งเป็นวัดที่ชาวไทย-ลาว ให้ความเคารพและศรัทธาเป็นอย่างมาก เปรียบวัดนี้ก็เหมือนวัดโสธรวรวิหาร ที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธามากมาย




เมื่อไปถึงทางวัด ก็ได้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์แก้กรรมให้อดีตนายกรัฐมนตรีไทยทันที โดยทักษิณสวมสายสะพายลายผ้าไทยในการประกอบพิธี ท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่ตำรวจลาว ที่คอยคุ้มกันอย่างเข้มงวด


ชื่นมื่นสงกรานต์ ลูกอ้อนข้ามโขง "ผมอยากกลับบ้าน"


ภาพจากhttps://www.thairath.co.th/content/252783






เวลา 18.00 น. อดีตนายกฯ เดินทางมาถึงที่โรงแรมดอนจันพาเลซ เพื่อกล่าวปาฐกถากับนักธุรกิจ โดยมีสภาอุตสาหกรรมแห่งชาติ ส.ป.ป.ลาว เป็นเจ้าภาพ

ขณะที่ทางฝั่งไทย ที่สนามกีฬากลางจังหวัดหนองคาย อ.เมือง จ.หนองคาย ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรม "ตุ้มโฮมประชาธิปไตย ส่งกำลังใจให้ท่านนายกฯ ทักษิณ" ของคนเสื้อแดง 20 จังหวัดในภาคอีสาน ได้เปิดเวทีปราศรัยตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันที่ 11 เมษายน โดยจะมีแกนนำคนสำคัญมาปราศรัย




เวลา 21.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณสไกป์มาพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่หน้าเวที และขอโทษที่คนเสื้อแดงจำนวนมากอาจผิดหวังที่ไม่ได้เจอตัวเขา โดยนัดหมายให้ไปพบที่เสียมราฐแทน




จับอารมณ์ได้ว่า ทักษิณรู้สึกถูกจำกัดในการพบกับคนเสื้อแดง จึงออกตัวว่า หากข้ามโขงมาแล้วไม่ได้พบกัน ก็ถือว่าพบกันทางใจสำคัญกว่า




ซึ่งเช้าวันที่ 12 เมษายน พ.ต.ท.ทักษิณทำบุญเนื่องในบุญประเพณีปีใหม่ลาว ที่วัดธาตุหลวง ซึ่งเปรียบเสมือนพระอารามหลวงของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช วีรกษัตริย์ของล้านช้างที่เคยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเมืองเชียงใหม่ แห่งอาณาจักรล้านนา

มีข้อน่าสังเกตว่า "ทักษิณ" มีกำหนดการพิเศษขึ้นมาคือ การไปแก้กรรมที่วัดสีเมือง ซึ่งเป็นวัดที่สร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเช่นกัน




ฉะนั้นเล่าลือว่า ทักษิณมุ่งมาลาวเพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์แก้กรรม ก็น่าจะเป็นความจริง! (http://www.komchadluek.net/news/scoop/127741)




ขณะที่เวบข่าวของผู้จัดการออนไลน์ยังรายงานต่อว่า



วันที่ 13 เมษายน นายใหญ่คนเสื้อแดง มีนัดรดน้ำดำหัวกับชาวไทยละแวกนั้น ที่จะเดินทางข้ามโขง มาเล่นสงกรานต์กันชุ่มฉ่ำ ให้สาแก่ใจแห่งความคิดถึง




พอถึงวันจริง ปรากฏว่าที่โรงแรมกรีนปาร์ค บูติค โฮเต็ล ถ.คูเวียง นครเวียจันทน์ ซึ่งเป็นที่พักของอดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีกลุ่ม สส.อีสานของพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงมารอเข้าอวยพรรดน้ำดำหัวเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งปรากฎว่า ทีมรักษาความปลอดภัย (รปภ.)โรงแรมค่อนข้างเข้มงวด ห้ามคนและรถทุกคันที่ไม่มีบัตรอนุญาต เข้าโรงแรมโดยเด็ดขาดทำให้ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ต้องออกมาเจรจาและจัดระเบียบด้วยการแบ่งกลุ่ม ครั้งละ 20 คน เข้าไปพบปะและถ่ายภาพร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มอบเสื้อโปโลสีขาว สกรีนรูปหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยหมึกสีน้ำเงินด้านซ้ายของเสื้อ และด้านขวามีข้อความว่า "ขอส่งความสุขวันสงกรานต์ด้วยรักและขอบคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 13 เม.ย. 55"




ส่วนวันที่ 14 เมษายน "ทักษิณ" เดินทางเข้าสู่ประเทศกัมพูชา ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ สำคัญที่หลายฝ่ายจับตา โดยเฉพาะการปราศรัยใหญ่ร่วมกับแกนนำ นปช. รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่ศูนย์วัฒนธรรมเสียมราฐ




นั้นวันที่ 15 เมษายน จะไปนครวัด-นครธม ตักบาตรทำบุญร่วมกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ในโอกาสครบรอบวันเกิด 61 ปี สุดท้ายวันที่ 16 เมษายน ไปพนมเปญออกรอบตีกอล์ฟกับสมเด็จฯ ฮุน เซน พร้อมเยี่ยมคาราวะบิดาของสมเด็จฯ ฮุน เซน




"การมาครั้งนี้สร้างความคึกคักครึกครื้นให้พลพรรคคนเสื้อแดงเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่สาวกจะได้สัมผัสใกล้ชิดยาวนานเป็นกิจจะลักษณะแบบนี้ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็จัดหนักจัดเต็มเช่นกัน ประสานเครือข่ายจัดทำของฝากติดไม้ติดมือกันชุดใหญ่ หน้ากาก พัด เสื้อยืด นับแสนชิ้น" (https://mgronline.com/south/detail/9550000045857)




อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ ช่วงเวลานั้น กระจอกข่าวต่างพยายามถามไถ่กับฝั่งของนายกรัฐมนตรีเวลานั้นของไทย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็น้องสาวของคนที่กำลังอ้อนอยู่ฝั่งลาวนั่นแหละ




โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าถือว่าทุกอย่างเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ก็ขอให้ทำอยู่ในขอบเขต




พูดง่ายๆ ว่าไม่รู้ ไม่เกี่ยวก็ว่าได้ แต่ที่แน่ๆ พอย่างเข้าวันที่ 14 เม.ย. รายงานจากคมชัดลึกระบุว่า




"น้องสาว ก็หนีบคนในครอบครัวทั้งสามี และ "น้องไปป์" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบินลัดฟ้าไปชาร์จแบตเตอรี่ที่บ้านเกิดเมืองเชียงใหม่ นอกจากภารกิจเป็นทางการนำชาวเจียงใหม่ทำบุญตักบาตรเปิดงาน "ปี๋ใหม่เมือง" แล้ว ยังใช้โอกาสนี้นำคนใน "ตระกูลชินวัตร" ไปทำบุญและไหว้กระดูกบรรพบุรุษประจำปีอีกด้วย"




"และภารกิจต่อไปก็ขอเล่นน้ำกะเขาบ้าง เทศบาลนครเชียงใหม่ก็จัดรถบรรทุกให้ "นายกฯ หญิง" แห่ไปรอบคูเมืองแล่นไปตามถนนท่าแพ ให้นักท่องเที่ยวที่มาแอ่วและกำลังม่วนซื่นได้สาดน้ำผู้นำประเทศกันอย่างไม่ต้องเกรงใจ"




ชื่นมื่นสงกรานต์ ลูกอ้อนข้ามโขง "ผมอยากกลับบ้าน"

"เช็กอาการก่อนรถเคลื่อน "แม่ปูและลูกไปป์" ออกอาการห้าวเต็มพิกัด ใช้ปืนฉีดน้ำอันเบ้อเริ่ม ระดมยิงใส่นักข่าวที่อยู่บนรถอีกคันโดยไม่ให้ตั้งตัว พอขึ้นรถแห่ไปสักหน่อยก็ยังเห็นว่า "ผู้นำหญิง" ยังไม่สะทกสะท้านกับน้ำที่สาดมาจากทั่วสารทิศ แต่พอแห่นานเข้า นานเข้า เจอทั้งปืนฉีด ขัน ถังน้ำ กระบอกฉีดแรงดัน ระดมจัดหนักมาไม่หยุด จน "ท่านผู้นำ" ต้องควักผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยมาคลุมเพื่อบังไม่ให้น้ำมาปะทะรุนแรง จนมีเสียงแซวมาจากชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ ว่า "นายกฯ...ไหวปะเนี่ย" (ฮา) (http://www.komchadluek.net/news/politic/127920)




ก็เป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ช่วงใกล้ๆ ของคนไทย ที่เหมือนจะมีบทพิสูจน์ไปแล้วว่า อะไรๆ ก็ไม่แน่ไม่นอน

logoline