svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ทรัมป์ยกเลิกทัวร์กลุ่มอเมริกาใต้สัปดาห์นี้ จ่อตอบโต้ซีเรีย

11 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทรัมป์ยกเลิกเดินทางเยือนกลุ่มอเมริกาใต้ ซึ่งมีกำหนดไว้ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผู้นำสหรัฐจะทำการตัดสินใจครั้งสำคัญต่อการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรียภายในอีก 24-48 ชั่วโมนับงจากนี้ไป


ท่ามกลางปมขัดแย้งของมหาอำนาจต่อกรณีของซีเรียร้อนระอุ ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดพุ่งขึ้น 3.3% หรือ 2.09 ดอลลาร์ มาปิดที่ 65.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันอังคาร


สวนทางกับตลาดซื้อขายหุ้นล่วงหน้าร่วงลงทั้ง 3 คลาดหลักช่วงเช้าวันพุธ โดยดาวโจนส์ร่วงลง 0.32% Nasdaq ร่วงลง 0.44% และ S&P 500 ร่วงลง 0,49%




1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกการเดินทางเยือนกลุ่มอเมริกาใต้ ซึ่งมีกำหนดไว้ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผู้นำสหรัฐจะทำการตัดสินใจครั้งสำคัญต่อการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรียภายในอีก 24-48 ชั่วโมนับงจากนี้ไป


โดยโฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ผู้นำสหรัฐจะไม่เข้าร่วมประชุมสุดยอดครั้งที่ 8 ของทวีปอเมริกา ที่กรุงลิมา ในเปรู และจะไม่เดินทางเยือนกรุงโบโกต้าของโคลัมเบียตามที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะส่งไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นตัวแทนเยือนประเทศดังกล่าว




2. ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องใช้ยุทธวิธีทางทหารตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรีย ซึ่งคณะทำงานของเขาจะร่วมกันตัดสินใจในเรื่องนี้ภายในช่วงคืนวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ หรือโดยเร็วที่สุด


ซึ่งผู้นำสหรัฐระบุว่า มีทางเลือกในการตอบโต้ด้วยยุทธิวิธีทางการทหารมากมายต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย พร้อมกับกล่าวประณามการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎด้วยอาวุธเคมีในซีเรียว่า เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ


นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ระบุในช่วงก่อนหน้านี้เกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียจะต้องชดใช้อย่างสาสม หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมีต่อฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎซีเรียจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 70 คน


โดยผู้นำสหรัฐยังได้ทวีตข้อความระบุว่า ประชาชนที่เสียชีวิตไม่เว้นแม้แต่เด็กและผู้หญิงในเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมี พร้อมกับเตือนว่า ผู้นำรัสเซีย และผู้นำอิหร่าน จะต้องรับผิดชอบต่อการสนับสนุนประธานาธิบดีอัสซาด



3. ท่ามกลางปมขัดแย้งของมหาอำนาจต่อกรณีของซีเรีย ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ในนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 3.3% เมื่อวันอังคาร โดยสัญญาส่งมอบเดือนพฤษภาคมพุ่งขึ้นถึง 2.09 ดอลลาร์ มาปิดที่ 65.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิถุนายน พุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 3.5% มาปิดที่ 71.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นโดยที่หุ้นเอ็กซอนโมบิล พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นเชฟรอนพุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 4.2% หุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 4.3% รวมทั้งหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ทะยานขึ้นถึง 6.7%


4. สวนทางกับตลาดซื้อขายหุ้นล่วงหน้าร่วงลงทั้ง 3 คลาดหลักช่วงเช้าวันพุธ โดยดาวโจนส์ร่วงลง 0.32% Nasdaq ร่วงลง 0.44% และ S&P 500 ร่วงลง 0,49%

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดวันอังคารที่ 24,408 พุ่งขึ้น 428.90 จุด หรือ 1.79% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,656 พุ่งขึ้น 43.71 จุด หรือ 1.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,094 พุ่งขึ้น 143.96 จุด หรือ 2.07% เนื่องจากบรรยากาศสงครามกาาค้าที่ผ่อนคลายลงมา

โดยที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความที่ระบุถึงความขอบคุณประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งสัญญาณเปิดประตูกว้างให้ต่างชาติเข้าถึงตลาดจีนมากขึ้น การจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์ รวมทั้งปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายโอนเทคโนโลยี



5. ขณะเดียวกัน การที่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Facebook ได้เข้าให้การต่อสภาคองเกรส โดยกล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้ตอบคำถามจากสมาชิกสภาคองเกรส 44 คน ต่อกรณีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ Facebook 50 ล้านคน ที่มาจากการล่วงข้อมูลดังกล่าวของกลุ่ม Cambridge Analytica
พร้อมกันนี้ ซีอีโอของ Facebook ได้เปิดเผยถึงการประสานงานกับโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษกรณีสอบสวนรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2016 โดยทางทีมสอบสวนดังกล่าวได้สอบปากคำพนักงานของ Facebook แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้สอบปากคำของตนเอง

ขณะที่ราคาหุ้น Facebook ปิดพุ่งขึ้น 4.50% แตะที่ 165.04 ดอลลาร์

logoline