svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รวบมาเฟียอิสราเอล ยิงปืนขู่เรียกค่าคุ้มครอง

สุราษฎร์ธานี-จับ 2 แก็งมาเฟียชาวอิสราเอล เกาะสมุย ถ่ายคลิปชักปืนยิงขึ้นฟ้า ส่งข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองนักธุรกิจชาติเดียวกัน

( 9 เม.ย.61) พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ตำรวจท่องเที่ยว และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 4 พื้นที่เกาะสมุย ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายโอริ เลวี่ สัญชาติอิสราเอลและนาย ซาลอมฟิมา หรืออีโก้ สัญชาติอิสราเอล ซึ่งทั้ง 2 มีพฤติกรรมตั้งตัวเป็นแก็งมาเฟียในพื้นที่ อ.เกาะสมุย

รวบมาเฟียอิสราเอล ยิงปืนขู่เรียกค่าคุ้มครอง



พล.ต.ท.สรศักดิ์ เปิดเผยว่า นายโอริ เลวี่ หนึ่งในผู้ต้องหา ถูกจับกุม ในข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอ้นควร โดยก่อนหน้านี้ นายโอริ ได้ก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้า เหตุเกิดพื้นที่เกาะส้ม ม.4 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และได้มีการอัดคลิปวีดีโอ ขณะยิงปืนไว้ เพื่อส่งคลิปดังกล่าวไปข่มขู่ กลุ่มนักธุรกิจชาติเดียวกัน ที่มาประกอบธุรกิจอยู่ใน อ.เกาะสมุย เพื่อให้เกิดความกลัว จนต้องมีการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง จากกลุ่มนักธุรกิจชาติเดียวกัน


ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรียกร้องเรียกจากนักธุรกิจ ที่ถูกเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ก่อนที่จะมีการสืบสวนพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหา จนนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว ส่วนนายซาลอม ฟิมา ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอานาจักร เนื่องจากเป็นบุคคลที่รัฐบาลอิสราเอลแจ้งว่า เคยกระทำความผิดและต้องคำพิพากษาถึงจำคุในประเทศอิสราเอล ข้อหา ข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ลักพาตัวเพื่อฆาตกรรม กรรโชกทรัพย์ และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน

รวบมาเฟียอิสราเอล ยิงปืนขู่เรียกค่าคุ้มครอง



ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ต.สุเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ตำรวจท่องเที่ยวเปิดเผยว่า ทางตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้มีการตรวจเข้มกลุ่มชาวต่างชาติ ที่เข้ามาสร้างอิทธิพล ตั้งกลุ่มเป็นแก็งมาเฟีย เพื่อเรียกเก็บค่าคุ้มครอง จากนักธุรกิจชาวต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้าที่ก็ได้มีการปราบปรามจับกุมไปแล้วหลายกลุ่ม ซึ่งในวันนี้ได้มีการดำเนินการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อจับกุมแก็งอิสราเอล ที่มีพฤติกรรมข่มขู่ เรียกเก็บค้าคุ้มครอง เพื่อต้องการกวาดล้าง แก็งมาเฟียต่างชาติให้สิ้นซาก


ซึ่งจากนี้ไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ก็จะได้มีการดำเนินผลักดันกลุ่มต่างชาติ ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ออกนอกประเทศ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักธุรกิจชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้าท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้มีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น