svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ปชป.รับหนักใจ"สุเทพ"ตั้งพรรคกปปส.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสมัย2

08 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปชป.เชื่อสุเทพตั้งพรรคแน่ รับกระทบฐานเสียงทำสส.บัญชีรายชื่อลด ด้านพท.แขวะลุงกำนันอย่ายืนหลังฉาก จี้คสช.ปลดล็อก ส่วนพลังธรรมใหม่แนะบิ๊กตูู่ตั้งพรรคนั่งนายกฯ

          การเมืองยังคงร้อนแรงและพลิกผันได้ตลอดเวลา ไม่เพียงแค่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเท่านั้น ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท.) ก็กลับมาแสดงท่าทีจะตั้งพรรคการเมืองเช่นกัน เพื่อผลักดันให้แนวความคิดของคนที่เคยเป็น กปปส. สำเร็จสมบูรณ์

           นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคำพูดของนายสุเทพ ที่ระบุในทำนองว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองแล้ว เชื่อว่าคงจะมีความพยายามที่จัดตั้งพรรค อยู่ที่ว่าจะให้ใครเป็นผู้จัดตั้ง เพราะตัวนายสุเทพคงไม่ได้ไปจัดตั้งเอง แต่ก็มั่นใจว่าแม้จะมีการตั้งพรรค กปปส. ก็จะไม่เกิดปัญหาสมองไหลในพรรคประชาธิปัตย์ โดยในขณะนี้อดีต ส.ส.ของพรรค มายืนยันความเป็นสมาชิกพรรคเกือบครบทุกคนแล้ว ยกเว้นแค่ นายธานี เทือกสุบรรณ และนายเชน เทือกสุบรรณ น้องชายนายสุเทพเท่านั้น ซึ่งยังมีเวลาจนถึงวันที่ 30 เมษายน

 

ปชป.รับหนักใจ"สุเทพ"ตั้งพรรคกปปส.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสมัย2

          “แต่ก็ยอมรับว่าหากมีการตั้งพรรค กปปส.จริง ก็จะแบ่งคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ไป ทำให้มีการต่อสู้หนักในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ และยังเชื่อว่าประชาธิปัตย์จะเป็นที่หนึ่ง แต่คะแนนที่ได้จะลดลง ซึ่งจะกระทบต่อจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนพรรค กปปส.ที่จะจัดตั้งขึ้นก็จะเก็บตกคะแนนในแต่ละเขต ไปได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แทน” นายนิพิฎฐ์กล่าว

          รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การมีพรรคการเมืองใหม่เป็นเรื่องดี เพราะทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น ในขณะที่พรรคก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนด้วยเช่นเดียวกัน

แฉไทม์ไลน์ดันบิ๊กตู่สืบทอดอำนาจ

          นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยินดีต้อนรับพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการเลือกตั้งมากขึ้น และเป็นเรื่องที่ดีที่นายสมคิดจะจัดตั้งพรรคให้พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่ถนนการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์จะได้เข้าใจการเมืองมากขึ้น รวมถึงจะได้เข้าใจว่าในแวดวงการเมืองมีทั้งนักการเมืองที่ดี ตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน และมีนักการเมืองที่ไม่ดีที่อาศัยการเมือง ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือแล้วใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง อีกทั้งนายกฯ จะได้ไม่ด่ากราดนักการเมืองว่าไม่ดีไปทั้งหมดเหมือนที่ผ่านมา

ปชป.รับหนักใจ"สุเทพ"ตั้งพรรคกปปส.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสมัย2

          “การเคลื่อนไหวตั้งพรรคการเมืองสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่อาจจะเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากทำรัฐธรรมนูญที่แถมคำถามพ่วง จากนั้นได้ร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับซึ่งมีผลบังคับใช้เพียง 2 ฉบับ คือกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง และกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วนกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ยังถูกยื้อเวลาสร้างเงื่อนไขให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขณะที่กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองแม้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 แต่ก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะติดล็อกคำสั่งและประกาศคสช. รวมถึงมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 มาปรับเปลี่ยนกฎหมายนี้ ทำให้สร้างปัญหาในทางปฏิบัติ และมีความย้อนแย้งกันอยู่หลายส่วน ดังนั้น การดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ล้วนเป็นไปตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ” นายองอาจกล่าว

          รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาที่เหลืออีกเป็นปีจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ทำงานแก้ไขปัญหาของประชาชนที่กำลังทุกข์อยู่ขณะนี้ คือ 1.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนให้ลืมตาอ้าปากได้ 2.การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์ม และพืชผลทางเกษตร 3.การเลิกอุ้มคนรวย หันมาช่วยคนจนเพิ่มขึ้น ขอฝากให้นายกฯ ใช้เวลาที่เหลืออยู่บริหารประเทศมากกว่าบริหารอนาคตของตนเองและพวกพ้อง ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์สุขต่อประชาชนและสังคมไทยต่อไป 

พท.ท้าสุเทพออกมายืนหน้าฉาก

         นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายสุเทพเคยพูดว่าจะไม่ยุ่ง ไม่สนการเมืองแล้ว หากจะมาทำพรรคการเมืองจริงก็ถือว่าพูดกลับไปกลับมา เชื่อถือไม่ได้ ถ้าจะทำพรรคก็ทำเลย ไม่ต้องหลบอยู่ด้านหลัง เข้าใจว่าคงหวังเก็บตกคะแนนจากคนไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนที่จะมาเลือกพรรคของกปปส. แต่สุดท้ายคงไปรวมกันตอนเลือกตั้งเสร็จสิ้น ไม่ได้หวังที่จะมีนโยบายใหม่อะไรที่มาเสนอประชาชนสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องปฏิรูป

          “ถ้าจะตั้งพรรคก็เชิญตามสบาย ซึ่งพรรคลักษณะนี้คงเป็นพรรคเฉพาะกิจมากกว่า แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดโอกาสให้พรรคเล็กพรรคน้อยทำงานได้ง่าย แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่าเขาพร้อมเป็นพันธมิตรทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชารัฐ แม้ในวันนี้นายอภิสิทธิ์จะบอกไม่เอานายกรัฐมนตรีคนนอก แต่คงเป็นการพูดเพื่อหวังคะแนนเสียง พอคะแนนเสียงออกมาเท่าไหร่ ดูแล้วพอรวบรวมกันได้เขาก็ปรับได้ ถึงอย่างไรก็มาจากไผ่กอเดียวกัน เพียงแค่วันนี้แตกหน่อออกไป” นายสมคิดกล่าว

ปชป.รับหนักใจ"สุเทพ"ตั้งพรรคกปปส.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสมัย2

จี้ประยุทธ์ปลดล็อกพรรคการเมือง

           อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายชำนาญ จันทร์เรือง หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ แสดงความมั่นใจหากมีการเลือกตั้งวันนี้พรรคอนาคตใหม่จะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอนด้วย ว่า พรรคอนาคตใหม่ถือเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย มีแนวคิดใหม่ แต่วันนี้ยังยากที่จะประเมินคะแนน พรรคนี้คงได้แนวร่วมจากคนชื่นชอบเทคโนโลยี ชอบนโยบายใหม่ แม้เวลานี้ยังไม่เห็นนโยบายหรือหลักคิดมากนัก แต่ถือได้ว่าเป็นพรรคคนรุ่นใหม่กล้านำเสนอบางเรื่องที่คนรุ่นเก่าไม่กล้า คงจะเป็นตัวเลือกให้คนรุ่นใหม่มากขึ้น การยืนยันแนวคิดไม่เอานายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น ขอให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สู้ต่อไป ตอนนี้ก็ยังมีขั้นตอน เครือข่ายสมาชิกที่ต้องรีบทำ

          “ผมขอเรียกร้องให้มีการปลดล็อกให้พรรคการเมือง นักการเมืองได้ทำกิจกรรม เพราะพรรคเก่า พรรคใหม่จะได้ทำกิจกรรมเสียที ไม่ใช่ปล่อยให้แค่กลุ่มไทยยั่งยืน กลุ่มประชารัฐ ทำกิจกรรมได้อยู่ฝ่ายเดียว มันน่าเกลียด หากพล.อ.ประยุทธ์มั่นใจนักว่าจะชนะเลือกตั้ง ขอให้รีบจัดเลือกตั้งเลย อย่าช้า อย่ามัวแต่รำทวน” นายสมคิดระบุ

          เมื่อถามว่า พรรคอนาคตใหม่ถือเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และจะตัดคะแนนเสียงกันเองหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องอนาคตดีกว่า แต่ถ้ายืนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยถึงอย่างไรก็เป็นพันธมิตรกัน และไม่ได้หวั่นไหวเรื่องการจะมาตัดคะแนนหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ที่ประชาชน ทั้งนี้การที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประกาศทำพรรค ลงเล่นการเมือง ถือเป็นเรื่องที่ดี เช่นเดียวกัน หากพล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่มีแนวโน้มสูงจะสนับสนุนพรรคประชารัฐนั้นก็ดี แต่ขอให้ประกาศออกมาให้ชัด มีนโยบายอะไรก็ขอให้นำเสนอต่อประชาชนเลย รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ควรใจถึง มาเป็นสมาชิกพรรคให้เป็นเรื่องเป็นราวด้วย อย่าไปกลัว

ชี้บิ๊กตู่จะนั่งนายกฯต้องตั้งพรรค

           ส่วนที่ทำการพรรคพลังธรรมใหม่ นพ.ระวี มาศฉมาดล แกนนำผู้ก่อตั้งพรรคพลังธรรมใหม่ แถลงข่าวว่า พรรคพลังธรรมใหม่จะนัดประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.00-15.00 น. ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรค และเลขานุการพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรคจะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมหรือไม่นั้น ขอให้รอดูในวันที่จะมีการประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรค เราจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 

ปชป.รับหนักใจ"สุเทพ"ตั้งพรรคกปปส.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสมัย2

          นพ.ระวี กล่าวถึงจุดยืนของพรรคจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาบริหารประเทศต่อหรือไม่ว่า ขอทำนายว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ประสงค์ที่จะเป็นนายกฯ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องตั้งพรรคทหาร และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เป็นนายกฯ คนนอก แต่จะเป็น 1 ใน 3 รายชื่อที่พรรคทหารเสนอชื่อเป็นนายกฯ เพราะหากจะเป็นนายกฯ คนนอกจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนในรัฐสภาถึง 501 เสียงซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นไปได้ยาก 

          “หากเราประสบความสำเร็จ เราจะเสนอชื่อคนของพรรคชิงตำแหน่งนายกฯ แต่หากไม่ประสบความสำเร็จก็จะเลือก 3 รายชื่อของพรรคอื่นๆ ที่เสนอมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุรายชื่อบุคคลดังกล่าวได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา แต่ในการเลือกนายกฯ นั้น เราจะทำประชามติสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ เราไม่รู้สถานการณ์ตอนนั้นว่าจะเป็นใคร” นพ.ระวีกล่าว

          เมื่อถามต่อถึงบทบาทของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม นพ.ระวี กล่าวว่า พล.ต.จำลองจะไม่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาพรรคพลังธรรมใหม่ ท่านได้ลั่นสัจวาจามาหลายครั้งว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง  อย่างไรก็ตามพรรคยังเป็นห่วงเรื่องการใช้งบประมาณเกินดุลจำนวน 1.79 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการใช้งบประมาณอย่างรอบคอบ

ไก่อูเชื่อสมคิดคุยส.ส.เรื่องธรรมดา

           พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการที่นายสมคิด ใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ทำการพรรคการเมืองหารือกับอดีตส.ส. เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ว่า คิดว่าไม่น่าใช่ เพราะนายสมคิดอาจจะเชิญผู้มีประสบการณ์ในด้านการบริหารมาแลกเปลี่ยน ให้ข้อมูล ข้อแนะนำ หรือในเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) เป็นเรื่องของการรับฟังข้อมูลทุกภาคส่วน ไม่น่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง

ปชป.รับหนักใจ"สุเทพ"ตั้งพรรคกปปส.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสมัย2

           “บางคนอาจจะเห็นว่าดีฟังเสียงรอบด้านเพื่อให้การบริหาร การพัฒนาต่างๆ มีมุมมองกว้างมากขึ้น แต่บางคนอาจจะมองว่าไม่งาม แต่คิดว่าเป็นเรื่องต่างจิตต่างใจ เป็นเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ลำบาก” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

นปช.เหน็บการเมืองมี2ขั้วชัดเจน

          นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าช่วงนี้กระแสละครย้อนยุคกำลังมาแรง ด้านบันเทิงมีเรื่องบุพเพสันนิวาส ส่วนด้านการเมืองเห็นหลายคนกำลังเล่นเรื่องศรีธนญชัย เช่น ฝ่ายผู้มีอำนาจซึ่งประชาชนเห็นชัดอยู่แล้วว่าต้องการอยู่ต่อหลังเลือกตั้ง แต่ยังใช้ชั้นเชิงเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวาดึงเวลาหาความได้เปรียบ สับขาหลอกเดี๋ยวจะมาแบบคนนอก เดี๋ยวจะออกมาในรูปคนใน เดินเกมจนคนเริ่มสับสนว่า ถ้ามาแบบคนในให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ ลงสมัคร เป็นความชอบธรรมที่รับได้ ทั้งที่โดยหลักการไม่ว่ามาแบบไหนความหมายคือการสืบทอดอำนาจ ชงเองกินเอง กำหนดทุกอย่างเองตั้งแต่ต้น

          แกนนำนปช.กล่าวอีกว่า ส่วนอีกแบบคือพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศขึงขังว่าใครไม่สนับสนุนหัวหน้าพรรคให้ไปที่อื่น ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ ใครลงพรรคไหนก็ต้องสนับสนุนคนในพรรคอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง พูดชัดๆ กับประชาชนดีกว่าว่า หลังเลือกตั้งถ้าผู้มีอำนาจอยากเป็นรัฐบาลต้องได้เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ก็พรรคเพื่อไทย ถ้า 2 พรรคใหญ่ไม่เอาด้วยไม่มีทางเป็นไปได้ คำถามคือ พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจหรือไม่

          “ที่บอกว่าการเมืองอาจเป็น 3 ก๊ก ผมว่าไม่ใช่ หลังจากนี้จะมี 2 ก๊กเท่านั้น คือก๊กสืบทอดอำนาจ กับก๊กไม่เอาการสืบทอดอำนาจ ขอให้ออเจ้าทั้งหลายจับตาดูกันให้ดี อย่าเผลอตัวเชื่อศรีธนญชัย” ณัฐวุฒิ กล่าว 

โพลล์ชี้คนยังไม่ฟันธงพรรคเก่า/ใหม่

           สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,187 คน ระหว่างวันที่ 3-7 เมษายน ที่ผ่านมา เกี่ยวกับผู้สมัครส.ส.และพรรคการเมืองในทัศนะประชาชนพบว่า ประเด็นประชาชนคิดอย่างไรกับผู้สมัครส.ส.หน้าใหม่ในการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีในปีหน้านั้น โดยประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 41.76 มองว่ามีความหลากหลาย มีผู้สมัครที่น่าสนใจมากขึ้น รองลงมาคือร้อยละ 39.35 เป็นทางเลือกใหม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน และร้อยละ 31.89 มองว่ายังมีเวลา ต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ 

ปชป.รับหนักใจ"สุเทพ"ตั้งพรรคกปปส.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสมัย2

           สำหรับประเด็นประชาชนคิดอย่างไรกับผู้สมัครส.ส.ที่ย้ายพรรคในการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีในปีหน้านั้น ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 40.17 มองว่าสามารถทำได้ เป็นสิทธิของผู้สมัคร รองลงมาร้อยละ 38.50 มองว่าการเมืองยังไม่นิ่ง ต้องรอติดตามสถานการณ์ต่อไป และร้อยละ 25.62 มองว่าพรรคการเมืองต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนแนวทางหาผู้สมัครที่เหมาะสม ส่วนประเด็นประชาชนคิดจะเลือกผู้สมัครส.ส.หน้าเก่าหรือส.ส.หน้าใหม่นั้น ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 67.40 มองว่ายังไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ใกล้วันเลือกตั้ง ยังไม่เห็นนโยบาย ไม่รู้ว่าจะเลือกใคร ต้องรอดูก่อน รองลงมาร้อยละ 22.91 ระบุว่าเลือกส.ส.หน้าใหม่ เพราะอยากลองเลือกคนใหม่ ให้โอกาส ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากให้บ้านเมืองพัฒนา ก้าวหน้า และร้อยละ 9.69 ระบุว่าเลือก ส.ส.หน้าเก่า เพราะเป็นที่รู้จัก เป็นคนในพื้นที่ ใกล้ชิด เคยเห็นผลงาน มีประสบการณ์และชื่นชอบมานาน 

           ขณะที่ประเด็นประชาชนคิดจะเลือกพรรคการเมืองเดิม หรือพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่นั้น ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.28 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ เพราะอยากดูตัวบุคคลในพรรคก่อน อาจเป็นพรรคใหม่แต่คนเก่า อยากรู้รายละเอียดนโยบายและผู้สมัคร รองลงมาร้อยละ 17.44 ระบุว่า พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ เพราะเป็นตัวเลือกใหม่ น่าสนใจ เบื่อพรรคการเมืองเดิม หวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และร้อยละ 10.28 ระบุว่า พรรคการเมืองเดิม เพราะเป็นพรรคที่ชื่นชอบ มีชื่อเสียงมานาน เป็นที่รู้จัก ชอบคนในพรรคและคนในครอบครัวชอบ

ปชป.รับหนักใจ"สุเทพ"ตั้งพรรคกปปส.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสมัย2

สุริยะใสชี้ทุกพรรคหวังคะแนนโจ๋

          นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวถึงกระแสคนรุ่นใหม่ในขณะนี้ ที่ดูเป็นกระแสค่อนข้างสูงกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา และเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะกลายเป็นโมเมนตัมหรือแรงผลักดันในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ และโมเมนตัมนี้จะเป็นตลาดการเมืองที่ทุกพรรคการเมืองแย่งชิง เหตุเพราะส่วนหนึ่งนั้นการเมืองไทยผูกขาดโดยคนรุ่นเก่า ตระกูลเก่าไม่กี่กลุ่มมานานเกินไป จนทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าหลังเลือกตั้งจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าได้คนหน้าเดิมๆ กลุ่มเดิมๆ เข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้นการโหยหาพรรคการเมืองใหม่ๆ คนหน้าใหม่ จึงดูเหมือนถูกเรียกร้องจากตลาดการเมืองมากขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา ที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้าในปี 2562 จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 6 ปี ตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายในเดือนกรกฎาคม 2554 ไม่นับการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ

          นายสุริยะใส กล่าวว่า ฉะนั้นในรอบ 6 ปี ที่ไม่มีการเลือกตั้งจะมีจำนวนคนอายุ 18 ปี ที่มีสิทธิเลือกตั้งและจะใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในปี 62 จำนวนหลายล้านคนมากกว่าที่ผ่านมา และอย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ก็มีเจตนารมณ์เพิ่มจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยกำหนดให้ปรับอายุของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ต้องอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ในวันเลือกตั้ง จากเดิมที่กำหนดให้เป็นอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม อย่างไรก็ตามความคาดหวังของสังคมกับกลุ่มคนหน้าใหม่ทางการเมืองนั้นไม่ใช่แค่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุน้อยเท่านั้น แต่ความคิดต้องใหม่และใช้การได้จริง อยู่บนโลกความเป็นจริง หมายความว่าต้องแก้ปัญหาวิกฤติการเมืองที่เรื้อรังมาตลอด 10 ปีด้วย กล้าสรุปบทเรียนและเข้าใจคนรุ่นเก่าด้วยเช่นกัน เพราะการเมืองเป็นเรื่องของคนทุกกลุ่มทุกรุ่น ทุกภาคส่วนไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแค่สีสันชั่วคราวทางการเมืองเท่านั้น

ชี้2ทางเลือก“เอา-ไม่เอา”ประยุทธ์

          นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองส่วนใหญ่ที่ประกาศท่าทีสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก ว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยเฉพาะจากคณะบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันย่อมถูกวิจารณ์ เนื่องจากว่าเป็นคู่แข่ง ต่อไปในการเลือกตั้งของบรรดาพรรคการเมือง เชื่อว่าจะเป็นสัญญาณที่ดี ที่บ่งบอกถึงความชัดเจนว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแม็พ

          ส่วนข้อกังวลของหลายพรรคการเมือง ในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลในทำเนียบ หรือหาเสียงช่วงเป็นรัฐบาลอยู่นั้น เป็นเรื่องต้องพึงรับฟัง และระมัดระวังมิให้การกระทำใดเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ต้องทำตามกติกา มารยาท ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเป็นผู้ดูแลรักษากติกา

          “ความจริงเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ในอดีตเคยเกิดขึ้นไม่ว่าประชาธิปัตย์ หรือเพื่อไทย ก็ล้วนเคยเป็นรัฐบาลก่อนช่วงการเลือกตั้ง มักจะถูกท้วงติงจากพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคคู่แข่งว่า อย่าใช้สถานะการเป็นรัฐบาลใช้ประโยชน์ทางการเมือง หรือดำเนินการใดๆ โดยใช้อำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ของการเลือกตั้ง” นายอลงกรณ์ กล่าว

          นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นว่าพรรคที่จะตั้งใหม่ จะไปรอดหรือไม่ คิดว่า พรรคที่จะเกิดขึ้นใหม่นั้นจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีโอกาสที่จะช่วงชิงชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขึ้นกับผลงานของรัฐบาลจากวันนี้ จนถึงการเลือกตั้ง และคงไม่ใช่การเลือกตั้งสามก๊ก หรือสี่ก๊ก แต่จะเป็นการเลือกตั้งเพียงสองทางเลือกเท่านั้น หากในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจจะเปิดตัวลงสนามเลือกตั้งกับพรรคที่จัดตั้งใหม่ นั่นคือประชาชนจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ต่อ กับไม่สนับสนุน โอกาสของการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีเพียงสองกลุ่มพรรคการเมืองเท่านั้น ประชาชนจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น

ปชป.รับหนักใจ"สุเทพ"ตั้งพรรคกปปส.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯสมัย2

“มาร์ค”ร้องป.ป.ช.รื้อคดี“สุกำพล”

          นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่ง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ที่ปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกจากราชการทหาร ย้อนหลังไปกว่า 23 ปี ว่า เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา ตนในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจจากนายอภิสิทธิ์ ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ทบทวนผลการพิจารณาของคณะกรรมการป.ป.ช. ที่เคยยกคำร้อง และระบุว่าการออกคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ออกจากราชการของ พล.อ.อ.สุกำพล เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

          คำร้องระบุขอให้มีการพิจารณากรณีนี้ใหม่ เนื่องจากศาลฎีกาได้พิพากษาแล้วว่าการออกคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และส่อไปในทางไม่สุจริต เป็นการละเมิดสิทธิ์ของนายอภิสิทธิ์ และให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 1163/2555 เรื่องให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2555 เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่นายอภิสิทธิ์แล้ว จึงขอให้ ป.ป.ช. ทบทวนมติที่ชี้ว่าข้อกล่าวหาที่นายอภิสิทธิ์เคยยื่นคำร้องไว้ว่าไม่มีมูล กลับมาทบทวนและไต่สวนใหม่ เพื่อพิจารณาให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงต่อไป 

logoline