'สนธิรัตน์'ปูพรมแฟรนไชส์20จังหวัด

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าโครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพ โดยนำแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 95 ราย เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นง่าย ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 50,000 บาท ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ลูกชิ้นทอด หมูปิ้ง ก๋วยเตี๋ยว กาแฟโบราณ ไปแสดงใน 20 จังหวัด คือ นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น เชียงราย บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด อุดรธานี สุรินทร์ ชัยภูมิ สกลนคร สงขลา ลำปาง นครศรีธรรมราช พิษณุโลก กำแพงเพชร พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า จังหวัดที่ลงพื้นที่กลุ่มการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาก เพื่อผลักดันให้ผู้มีรายได้น้อยและประชาชนได้เลือกซื้อแฟรนไชส์ที่เหมาะกับตัวเองไปทำเป็นธุรกิจ โดยจะเริ่มจังหวัดแรกต้นเดือน พ.ค. ถึงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ จะช่วยให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนมีโอกาสทำธุรกิจแฟรนไชส์ และช่วยสร้างอาชีพไม่ต่ำกว่า 20,000 ราย 

ทั้งนี้ ได้ประสานธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้สนับสนุนสินเชื่อพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนที่ต้องการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ โดยธนาคารออมสินให้สินเชื่อ 0% ในปีแรก เริ่มให้สินเชื่อตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.2561 และ ธ.ก.ส.กำลังดำเนินการให้สินเชื่อ 0% สำหรับ 6 เดือนแรก คาดว่าจะเสร็จในเดือน พ.ค.นี้ 

สำหรับจังหวัดอื่นได้ให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด นำข้อมูลแฟรนไชส์ทั้ง 95 ราย ที่ได้ผ่านการคัดเลือกไปแจ้งให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนเข้าถึงข้อมูล โดยผู้ที่สนใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ จะได้รับการดูแลเช่นเดียวกัน และสามารถขอสินเชื่อจากธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายเศรษฐกิจฐานรากที่ต้องการให้ประชาชนมีรายได้และมีอาชีพเพื่อให้พ้นจากผู้มีรายได้น้อย

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการโครงการท่องเที่ยวตลาดต้องชม เพื่อสอดรับกับโครงการไทยนิยมและกระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ตามกระแสละครบุพเพสันนิวาส โดยร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อคัดเลือกตลาดต้องชมของกระทรวงพาณิชย์ที่มีวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง เช่น ตลาดโก้งโค้ง จ.พระนครศรีอยุธยา นำร่องให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลาดมากขึ้น โดยเน้นวัฒนธรรม สินค้าที่ระลึก สินค้าชุมชน รวมทั้งอาหารและที่พัก ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวพร้อมที่จะร่วมทำแผนเพื่อดำเนินการและจะเร่งให้ทันช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

สำหรับตลาดต้องชม เป็นตลาดตามโครงการพัฒนาตลาดชุมชนเพื่อธุรกิจท้องถิ่น ที่ใช้ตลาดชุมชนเป็นกลไกในการขยายช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร สร้างรายได้ให้กับชุมชน และเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันมี 77 แห่งทั่วประเทศ

ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ