"มาร์ค"ชู ปชป. ยุคใหม่ ลบภาพอนุรักษ์นิยม

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวภายหลังพิธีทำบุญครบรอบวันก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ครบรอบ 72 ปีว่า ความท้าทายของพรรคประชาธิปัตย์ ก้าวสู่ปีที่ 73 คือความท้าทาย ในการสืบทอดอุดมการณ์ ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่รวดเร็ว ซึ่งเรามั่นใจว่าแนวคิดที่เรายึดมั่นจะแก้ไขปัญหาใหญ่ๆของประเทศได้ ขณะนี้จึงเป็นเรื่องความเตรียมพร้อม ที่จะนำเสนอแนวคิดต่างๆว่า เราจะเดินไปทางไหน ซึ่งเราตั้งใจว่าเราจะเป็นทางหลัก เพราะประเทศไม่สามรถเดินหน้าด้วยแนวคิดปัจบันที่เน้นเรื่องความมั่นคง และอนุรักษ์นิยม และใช้กลไกราชการขับเคลื่อน หรือเราไม่กลับไปแบบประชานิยิม คอรัปชั่น เป้าหมายคือจะทำอย่างไรให้เสรีนิยมประชาธิปไตย ที่ประชาชนสามารถร่วมกำหนดอนาคตบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า แม้จะมีข้อจำกัดทางกฎหมายเช่นไร เราก็ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ อย่างในกฎหมายพรรค ที่เราวางหลักการไปไกลกว่ากฎหมายระบุ เช่นในกฎหมายให้สมาชิกเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. แต่เราให้สมาชิกพรรคเลือกหัวหน้าพรรค หรือกฎหมายระบุว่ามีสมาชิก 5,000 คน พอ พยายามหาให้มากกว่านั้น เพราะถ้ามีน้อยกรรมการบริหารพรรคจะครอบงำได้

เมื่อถามว่าเงื่อนไขต่างๆที่ผู้มีอำนาจระบุว่าทำเพื่อปฏิรูปการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราก็เดินหน้าการเมืองของเราต่อไป และมองว่ารัฐธรรมนูญที่มีอยู่ก็ไม่สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลง แต่เราเคารพกฎหมาย เราจะทำทุกอย่างให้ก้าวหน้ากว่านี้ แม้รัฐธรรมนูญจะมีข้อจำกัด แต่ก็มั่นใจว่าจะเดินหน้าได้ตามที่ประกาศไว้ใต้กฎหมายนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการแก้คำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 จะเสร็จเดือน มิ.ย. ว่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในประเด็นที่นายวิษณุ หรือคณะกรรมการกฤษฎีกาพูดกัน เป็นเรื่องของคำสั่งที่ขัดแย้งในตัวเองเชิงเทคนิค ต้องแก้ไขเพื่อดำเนินการเรื่องสาขาพรรคได้ แต่สิ่งที่เราพูดถึงกันคือ เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ และมีความเห็นว่าคำสั่งดังกล่าว เป็นการสร้างภาระเกินความจำเป็น ขัดกับรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลยึดถือหลักธรรมาภิบาล หรือต้องการปฏิรูปการเมืองจริงๆ ก็ต้องเคารพองค์กรอิสระ ตนไม่ขอโต้แย้งความเห็นของผ้ตรวจการฯ แต่เขามีอำนาจโดยตรงในการวินิจฉัยว่า เรื่องนี้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รัฐบาล สนช. หรือ คสช. ก็ต้องแก้ไขคำสั่ง คสช. ให้เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่เช่นนั้นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ก็เพิกเฉยความเห็นองค์กรอิสระได้

เมื่อถามถึงกระแสข่าว ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะตั้งพรรคเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การตั้งพรรคเป็นสิทธิของทุกคนภายใต้กฎหมายเดียวกัน ส่วนที่มีการมองกันว่ามีการดึงเวลา มีเพื่อรอพรรคใหม่ที่สนับสนุนนายกฯมีความพร้อมนั้น ไม่ว่าจะใช้อำนาจอะไร ขอให้ยึดหลักธรรมาภิบาล และถ้าใช้อำนาจรัฐสร้างความได้เปรียบทางการเมือง มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การเมืองก็ปฏิรูปไม่ได้

ในส่วนการปรับตัวของพรรคเพื่อสู้พรรคทางเลือกของคนรุ่นใหม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากการต่อสู้ทางการเมืองเข้มข้น 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดความรู้สึกว่าพรรคประชาธปัตย์เป็นพรรคอนุรักษ์นิยม แต่ในสถานการณ์วันนี้ เห็นเจนแล้วว่าเรายึดมั่นในหลักเสรีนิยมประชาธิปไตย ตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค ดังนั้นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาในพรรค ก็จะมีบทบาทมากพอสมควร และยังเป็นกรทำงานระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ด้วย เพราะวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ตกผลึกแล้วว่าต้องมีการเลปี่ยนแปลง




เมื่อถามถึงแนวทางของพรรคจะต่างจาก แนวทางของ คสช. หรือพรรคเพื่อไทยอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แนวคิดเราต่างจาก คสช. ในเรื่องการรวบอำนาจอยู่ที่ราชการ เรามุ่งไปยังการกระจายอำนาจ ต่างจะพรรคเพื่อไทยในอดีต โดยเราไม่เน้นเรื่องประชานิยม หรือคิดว่าจะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ โดยระบบที่ยั่งยืนจะอยู่ที่เรื่องของสวัสดิการ และสิทธิมากกว่า