svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

จีนสวนหมัดสหรัฐ! เปิดบัญชี 106 รายการสินค้าที่ถูกเก็บภาษีนำเข้า

05 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จีนสวนหมัดสหรัฐเปิดบัญชี 106 รายการสินค้าที่ถูกเก็บภาษีนำเข้า พุ่งเป้าเครื่องบิน รถยนต์ และถั่วเหลือง ตอบโต้การที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีสกัดสินค้าไฮเทคจากจีน


ท่ามกลางประธานาธิบดีทรัมป์พยายามปกป้องกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่นั้น แต่กลับเป็นที่น่าจับตาว่า เกษตรกรอเมริกันจะตกเป็นเป้าได้รับผลกระทบโดยตรง จากการที่มีการส่งออกสินค้าเกษครไปยังจีนมากถึง 34 รายการปีละ 20,000-30,000 ล้านดอลลาร์นั้น มีรายการส่งออกถั่วเหลืองคิดเป็น 56% ของทั้งหมด


ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า การที่สหรัฐและจีนได้ใช้มาตรการตอบโต้เช่นนี้ ได้ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจทั้งสองประเทศ
1. จีนเปิดเผยสินค้า 106 รายการของสหรัฐที่จะถูกเรียกเก็บภาษันำเข้าในอัตรา 25% โดยมีผลในทันทีที่มีคำสั่งซื้อขายสินค้า ซึ่งประกอบด้วยสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของสหรัฐ ทั้งถั่วเหลือง เครื่องบิน รถยนค์ และยังรวมถึงวิสกี้ เคมีภัณฑ์ และเนื้อหมูแช่แข็ง

เพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐอย่างรวดเร็ว หลังจากที่สหรัฐประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 1,300 รายการ หรือเป็นมูลค่าถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกทางการสหรัฐกล่าวหาว่ามีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา



2. ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงทวีตข้อความที่ระบุว่า สหรัฐไม่ได้ทำสงครามการค้ากับจีน แต่เพราะสหรัฐแพ้สงครามไปแล้วหลายปีก่อน จากที่ต้องขาดดุลการค้า 500,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเฉพาะที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอีก 300,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกไม่ได้

ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามปกป้องกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่นั้น แต่กลับเป็นที่น่าจับตาว่า เกษตรกรอเมริกันจะตกเป็นเป้าได้รับผลกระทบโดยตรง จากการที่มีการส่งออกสินค้าเกษครไปยังจีนมากถึง 34 รายการปีละ 20,000-30,000 ล้านดอลลาร์นั้น มีรายการส่งออกถั่วเหลืองคิดเป็น 56% ของทั้งหมด เป็นมูลค่าถึง 11,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา


3. ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ออกมาวิจารณ์รัฐบาลจีนที่ได้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ 128 รายการเป็นมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียมในอัตรา 10% จากประเทศต่างๆ รวมถึงจีน ว่าการตอบโต้ของจีนไม่มีมูลเหตุเพียงพอตามกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO)
โดยที่ USTR ชี้ว่า คำร้องของจีนในการปรึกษาหารือตามกรอบข้อตกลง WTO Safeguards Agreement นั้น ไม่มีมูลเหตุอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากการเรียกเก็บภาษีตามมาตรา 232 ของสหรัฐ มีขึ้นเพื่อจัดการกับภัยคุกคามความมั่นคงของชาติในอุตสาหกรรมสำคัญๆ เช่น อุตสาหกรรมเหล็กกล้าและอลูมิเนียม ไม่ได้เป็นมาตรการเพื่อปกป้องการค้า



4. ส่วนจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐยอมเปิดการเจรจา เพื่อปรึกษาหารือด้านการค้า รวมถึงความร่วมมือด้านอื่นๆ ที่จะให้ประโยชน์กับทั้งสองประเทศ โดยที่โฆษกของรัฐบาลจีนแถลงว่า ไม่เคยมีใครสามารถทำให้จีนยอมจำนนต่อแรงกดดันหรือการบังคับขู่เข็ญได้ และจะไม่มีวันสำเร็จลงได้

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การที่สหรัฐและจีนได้ใช้มาตรการตอบโต้เช่นนี้ ได้ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจทั้งสองประเทศ



5. ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้าวันพฤหัสฯ เหตุนักลงทุนคาดหวังว่าสหรัฐและจีนจะหันหน้ามาเจรจาการค้ากัน แทนการสร้างความตึงเครียดของสงครามการค้าในขณะนี้ นำโดยดัชนี NIKKEI 225 ญี่ปุ่นเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น 348.28 จุด หรือ 1.63% ดัชนี KOSPI เกาหลีใต้เพิ่มขึ้น +1.30% ดัชนี FTSE STI สิงคโปร์เพิ่มขึ้น 1.98% รวมทั้งหุ้นไทยบวก 7.65 จุดหรือ 0.44% แตะที่ 1,732.63

หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดกลับมาบวก เพราะมีนักลงทุนเข้ามาช้อนซิ้อเนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงกว่า 10% ในช่วงที่ผานมา ทั้งนี้ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 24,264 พุ่งขึ้น 230.94 จุด หรือ 0.96% หลังเปิดตลาดดิ่งลงไปถึง 520 จุดตามดาวจนส์ ฟิวเจอร์สที่น้วง 440 จุดระหว่างชั่วโมงซื้อขายเมื่อวานนี้

ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,644 พุ่งขึ้น 1.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,042 พุ่งขึ้น 1.45%

logoline