svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ทรัมป์เตรียมประกาศบัญชีรายการสินค้าจีนที่จะถูกตั้งกำแพงภาษีในวันศุกร์นี้

03 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทรัมป์เตรียมประกาศบัญชีรายการสินค้าจีนที่จะถูกตั้งกำแพงภาษีในวันศุกร์นี้ พุ่งเป้าสินค้าไฮเทคซึ่งอาจใช้เวลามากกว่า 2 เดือนก่อนที่จะมีผลในการเรียกเก็บภาษีจริง


ขณะที่ทพเนียบขาสวออกโรงวิพากษ์วิจารณ์จีน แทนที่จะพุ่งเป้าโจมตีสินค้าส่งออกของสหรัฐ จีนควรที่จะยุติการค้าที่ไม่เป็นธรรม และยังเป็นการทำลายความมั่นคงของสหรัฐและทำลายตลาดโลก เนื่องจากนโยบายอุดหนุนอุตสาหกรรมในประเทศ และภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินของจีน ซึ่งเป็นต้นตอของวิกฤตการณ์เหล็ก

ตลาดหุ้นวิลล์สตรีทดิ่งลงหนักทั้ง 3 ดัชนีหลัก จากความวิตกกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และการปรับฐานทางเทคนิค โดยเฉพาะการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG ทั้งนี้ ดาวโจนส์ปิดในวันจันทร์ดิ่งลง 458.92 จุด หรือ 1.90% ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 2.23% และดัชนี Nasdaq ที่ดิ่งลงถึง 2.74%


.1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศรายการสินค้าจีนที่จะถูกตั้งกำแพงบภาษีนำเข้าภายในวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ โดยสินค้าที่จะถูกจัดเก็บภาษีนั้นส่วนใหญ่เป็นสินค้าไฮเทค โดยอาจใช้เวลามากกว่า 2 เดือนก่อนที่จะมีผลในการเรียกเก็บภาษีจริง

หลังจากเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ

พร้อมกล่าวหาจีนดำเนินนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม ตามมาตรา 301 ของกฎหมายการค้าสหรัฐ โดยมอบหมายให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ไปทำการสอบสวนดังกล่าว



2. ขณะที่ทำเนียบขาวออกโรงวิจารณ์จีนใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ 128 รายการ เพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐที่เรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากจีนและประเทศอื่น ๆ
ลินเซย์ วอลเทอร์ส รองโฆษกฝ่ายสื่อของทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์ว่า แทนที่จีนจะพุ่งเป้าโจมตีสินค้าส่งออกของสหรัฐ จีนควรที่จะยุติการค้าที่ไม่เป็นธรรม เพราะเป็นการทำลายความมั่นคงของสหรัฐและทำลายตลาดโลก เนื่องจากนโยบายอุดหนุนอุตสาหกรรมในประเทศ และภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินของจีน ซึ่งเป็นต้นตอของวิกฤตการณ์เหล็ก3. ความเคลื่อนไหวของทำเนียบขาวล่าสุด เกิดขึ้นหลังจากที่ทางการปีกกิ่งได้ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 120 รายการจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลไม้และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอีก 8 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในอัตรา 25% โดยมีผลในวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา

โดยคณะกรรมการด้านภาษีศุลกากรแห่งรัฐสภาจีนระบุว่า การตัดสินใจออกมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะตอบโต้การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ด้วยการกล่าวหาจีนดำเนินนโยบายการค้าและการลงทุนที่ไม่เป็นธรรม และยังรวมถึงการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา

มาตรการของจีนครั้งนี้ ถือเป็นการตอบโต้สหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% จากประเทศต่างๆ รวมถึงจีน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 60,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครอบคุลม 1,300 รายการสินค้า


4. ตลาดหุ้นวิลล์สตรีทดิ่งลงหนักทั้ง 3 ดัชนีหลัก จากความวิตกกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และการปรับฐานทางเทคนิค โดยเฉพาะการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดในวันจันทร์ที่ 23,644 ดิ่งลง 458.92 จุด หรือ 1.90% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,581 ดิ่งลง 2.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,870 ดิ่งลงถึง 2.74%

ขณะที่ตลาเหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวแดนลบส่วนใหญ่ นำโดย NIKKEI 225 ญี่ปุ่น เปิดตลาดร่วงลงหนักช่วงเช้าวันนี้ ลดลง 273.10 จุด หรือ 1.28% ก่อนปิดภาคเช้าลดลง 0.88% ดัชนี HSI ฮ่องกงปิดภาคเช้าลดลง 179.70 จุด หรือ 0.60% ขณะที่ดัชนี SSE Composite ของจีนเปิดตลาดวันนี้ที่ 3,130.01 จุด ลดลง 33.17 จุด หรือ 1.05%

TAIEX ไต้หวัน ลดลง 0.47% ดัชนี KOSPI เกาหลีใต้ ลดลง 0.90% ดัชนี FTSE STI สิงคโปร์ลดลง 0.74% รวมทั้งดัชนีหุ้นไทยลดลงแตะ 1,774.20 ร่วงลง 8.08 จุด หรือ 0.45%


5. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐดิ่งลงอย่างหนัก และเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย นำโดย Anazon ดิ่งลง 5.9% หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวโจมตี Amazon เป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ กล่าวหาว่า Amazon บริษัทค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ เอาเปรียบบริษัทไปรษณีย์ของสหรัฐ (USPS) โดยที่บริษัทไปรษณีย์สหรัฐขาดทุน 1.50 ดอลลาร์ต่อพัสดุแต่ละกล่องที่ถูกจัดส่งให้กับทาง Amazon ซึ่งหากมีการปรับขึ้นอัตราการให้บริการจัดส่ง ก็จะส่งผลทำให้ค่าขนส่งของทาง Amazon สูงถึง 2,600 ล้านดอลลาร์

ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนักทั้ง Intel ดิ่งลง 6.1% และ Microsoft ร่วงลง 3% หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับ Apple Inc เตรียมผลิตคอมพิวเตอร์พีซี Mac โดยใช้ชิปที่ผลิตขึ้นเอง

รวมถึงกลุ่ม FANG นำโดย Netflix ดิ่งลง 5.1% Facebook ร่วงลง 2.8% Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ร่วงลง 2.4% Apple ลดลง 0.7%

logoline