แค่ทางเข้าร้านก็น่าสนใจแล้ว เป็นกำแพงดินใหญ่ 2 ฝั่ง มีโลโก้เป็นหิ่งห้อย ประดับอยู่ที่ผนัง
เดินเข้ามาในร้าน จะค่อนข้างมืดเลยทีเดียว มีสวนจำลองที่อยู่ในห้องกระจกตรงกลางร้าน นี่คือไฮไลท์สำคัญเลยครับ เพราะในนี้จะมีบรรดาเจ้าหิ่งห้อยนับร้อยที่ใช้ทุกช่วงเวลาของชีวิตอยู่ในนี้ โดยหิ่งห้อยจะนำมาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ของร้านโดยเฉพาะ
ธีมหลักของร้านจะเปลี่ยนไปทุก ๆ 4 เดือน คือการเอาธาตุต่าง ๆ จากธรรมชาติมาใช้ คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ เมนูอาหารและการตกแต่งจึงมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับธาตุต่าง ๆ ช่วงนี้น้าคมมา จะอยู่ในช่วงของธาตุดินครับ
บรรยากาศของร้านถูกตกแต่งให้เป็นธรรมชาติ โดยใช้โทนสีเรียบง่าย มีที่นั่งหลากหลายมุม
ในส่วนของอาหารจะเน้นเป็นอาหารไทยรสต้นตำรับ สร้างสรรค์เมนูโดย คู่หูเชฟ ได้แก่ เชฟอ้น-สุวิลักขณ์ แก้วสิริมงคล กูรูด้านอาหารไทยจาก Coca และ 72 Courtyard และเชฟอ๊อฟ-ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ Culinary Chef มากประสบการณ์จาก San Diego, Chicago และ Manila
อาหารจะเสิร์ฟเป็นคอร์สนะครับ ราคาเริ่มต้นคอร์สละ 2,400++ บาท เริ่มต้นด้วย Welcome Drink กันก่อน
ก่อนจะเริ่มทานอาหาร ท้องฟ้าก็มืดแล้ว น้องพนักงานจะเชิญเราไปชมหิ่งห้อยที่ห้องชมหิ่งห้อยที่อยู่ถัดไปไม่ไกลครับ ห้องมืดมาก ตรงกลางจะเป็นสวนจำลองที่มีหิ่งห้อยอยู่หลากหลายสายพันธุ์ น้าถ่ายรูปได้เพียงนิดหน่อย เพราะไม่อยากจะรบกวนพวกเค้า
ดูหิ่งห้อยกันจนหนำใจแล้วก็กลับไปที่โต๊ะอาหารกันครับ มีขนมปังกับซอสที่ทำจากมะเขือเทศสูตรลับของทางร้าน
เริ่มด้วยจานแรก Amuse Bouche เมนูเรียกน้ำย่อยจานแรกที่เสิร์ฟมาบนขอนไม้ เพื่อให้เข้ากับธาตุดิน ดูเก๋ไก๋ ประกอบด้วย เมี่ยงคำกลีบดอกบัว ปาเต้ตับไก่ ทะเลรวม ลาบเหนือ ของตกแต่งจะเป็นลำไยอบแห้งและทับทิม ซึ่งทานได้
จานต่อมาเป็น Moo Satay ซึ่งใช้ซี่โครงหมูมาหมักกับเครื่องเทศต่าง ๆ รสชาติเข้มข้น เนื้อหลุดร่อน นุ่มมาก เพราะซูวีด์นานถึง 48 ชั่วโมง ทานคู่กับซอสถั่วพิตาชิโอและอาจาด
จานนี้น้าชอบมากครับ Tom Yum Koong หน้าตาไม่ใช่ต้มยำกุ้งที่เราเคยทานเลย แต่รสชาติใช่สุดๆ เชฟสร้างสรรค์ออกมาได้ดีมากครับ กุ้งลายเสือตัวใหญ่ที่นำไปเซีย นำมาวางบนเห็ด มีมะเขือเทศเพิ่มรสชาติและมีโฟมกะทิช่วยชูรสกันไปอีก ก่อนทานราดด้วยน้ำต้มยำข้น ๆ อร่อยจนอยากจะขอเพิ่มเลยครับ
จานต่อมา กินอะไรสดชื่น ๆ กันบ้าง กับ Pomelo Salad ยำส้มโอรสชาติจัดจ้าน จัดจานมาอย่างน่ารัก เล่นสีสัน ส้มโอ 3 สายพันธุ์วางมาบนน้ำยำเข้มข้น โรยด้วยหัวหอมเจียว มีสตอรว์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่สด ซอสสตรอว์เบอร์รี่และซอสพิตาชิโอ ช่วยเพิ่มรสชาติ
ล้างปากก่อนจะเข้าสู่จานหลักกันนะครับ ซอร์เบต์มะม่วง สดชื่นดีครับ
จานหลัก คือ Kang Ped Ped Yang แกงเผ็ดเป็ดย่างที่ทำออกมาเป็น Duck Confit ของฝรั่งเศส กรอบนอกนุ่มใน รสชาติตัวซอสก็เข้มข้นรสชาติไทย ๆ ทานกับผลไม้สด เข้ากันครับ
จานสุดท้าย ของหวานแบบไทย ๆ แต่เสิร์ฟมาแบบอลังการมาก ขนมเปียกปูนที่ใช้สีดำจากกะลามะพร้าวเผาแบบไทยเคลือบด้วย White Chocolate ใส่มาในหีบไม้ที่ด้านล่างเป็นคุกกี้ครัมเบิ้ลสีดำที่เปรียบเสมือนดิน มีงาขาวและงาดำเพิ่มรสชาติ เข้ากันได้ดีมากเลยครับ
อาหารแบบอะลาคาสก็มีนะครับ
ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็มีหลากหลายไว้คอยให้บริการ
เมนูทุกเมนูถึงหน้าตาออกจะไปทางฟิวชั่น แต่น้าบอกได้เลยครับว่ารสชาตินั้นไทยแท้ ๆ วัตถุดิบก็ใช้ปลอดสาร สด ใหม่ สะอาด น้าคมประทับใจกับร้านนี้มากครับ ใครสนใจน้าขอเรียนเชิญกับร้าน "วังหิ่งห้อย"
ก่อนจะกลับ แวะชมผลงาน อ.สมลักษณ์ ปันติบุญ กันก่อนครับ ผู้สร้างสรรค์ธีมดินในช่วง 4 เดือนแรก ศิลปินผู้เต็มไปด้วยประสบการณ์ในการสรรสร้างเครื่องปั้นดินเผาขนานแท้ และเป็นเจ้าของแหล่งรวมศิลปะเครื่องปั้นดินเผาที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ "ดอยดินแดง"
"Wang Hingnoi" (วังหิ่งห้อย)
ที่ตั้ง : 149 ถนนริมทางรถไฟสายแปดริ้ว (ถนนโลคัลโรด) แขวงบางกะปิ เขต ห้วยขวาง กทม. 10310
โทร. 091 979 6226
Fackbook : www.facebook.com/WangHingHoi/
**ธีมดิน : เดือนพฤศจิกายน 2017 - กุมภาพันธ์ 2018
**ธีมน้ำ : เดือนกุมภาพันธ์ - มิถุนายน 2018
**ธีมลม : เดือนมิถุนายน - ตุลาคม 2018
**ธีมไฟ : เดือนตุลาคม 2018 - กุมภาพันธ์ 2019
"บทสรุปแห่งชีวิต" จะตามมาในช่วง กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2019