3 ความดีงาม ที่ทำให้ไม่ควรพลาด "La Cage Aux Folles"

ลา กาฌ โอ ฟอลล์ (La Cage Aux Folles) เป็นเรื่องราวของจอร์จและอัลแบงหรือที่ชื่อในวงการของเธอคือ ซาซ่า คู่รักร่วมเพศสองคนที่ร่วมกันเปิดไนท์คลับอันเลื่องชื่อในฝรั่งเศส แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เมื่อลูกชายของพวกเขาเกิดตกลงปลงใจจะแต่งงานกับลูกสาวนักการเมืองแนวอนุรักษ์นิยมหัวรุนแรงที่ต่อต้านพวกรักร่วมเพศ งานนี้จึงต้องเกิดการแปลงโฉมบ้านและเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ลูกของพวกเขาได้ครองรักสมใจ นอกจากเหตุการณ์นี้จะยังทำให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงความรักและความสัมพันธ์ของครอบครัวแล้ว ความตลกและโชว์สนุกยังมีอยู่มากมายในละครเรื่องนี้ ซึ่งคณะละครที่รวมเอาทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของภาควิชาศิลปะการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้สร้างสรรค์ครั้งนี้ทำไว้เป็นอย่างดีซึ่งจะมีอะไรนั้นลองมาดู 3 เหตุผลว่าทำไมไม่ควรพลาดละครเวทีเรื่องนี้ละครเวทีที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์ต้นฉบับจากต่างประเทศน้อยที่สุด

ละครเวทีเรื่องนี้สร้างสรรค์จากบทประพันธ์ต้นฉบับที่ฮาร์วีย์ เฟียร์สไตน์เป็นผู้เขียนบทและเจอร์รี่ เฮอร์มันเป็นผู้แต่งเนื้อเพลงในปีค.ศ. 2526 ผลงานชิ้นนี้ถูกการันตีคุณภาพด้วยรางวัลโทนีย์ อวอร์ดส์ (รางวัลสำคัญในวงการละครเวทีของสหรัฐฯ) ถึง 6 รางวัลในปีแรกที่ออกฉาย นอกจากนี้ยังถูกนำมาสร้างใหม่อีกหลายต่อหลายครั้งและยังมีการแสดงอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงยังถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาษาต่างๆ อีกกว่า 15 ภาษา สำหรับในประเทศไทยมีคณะละครใหญ่อยู่ 2 คณะที่เคยนำมาดัดแปลงให้เป็นเรื่องราวในประเทศไทยอย่าง ดรีมบ็อกซ์ ที่เคยนำมาสร้างในชื่อ วิวาห์คาบาเร่ต์ เมื่อปีพ.ศ.2549 และซีเนริโอที่เคยนำมาสร้างในชื่อ กินรีสีรุ้ง เมื่อปีพ.ศ.2553 

หากย้อนไปทั้งสองเวอร์ชั่นนี้ยังนับว่าเป็นการเค้าโครงเรื่องเพื่อมาเปลี่ยนเป็นบริบทของสังคมไทยเพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจของผู้ชม และอย่างวิวาห์คาบาเร่ต์ที่ก็มีการดัดแปลงใช้เพลงไทยแทนเพลงต้นฉบับอีกด้วย สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เวอร์ชั่นปีพ.ศ.2561 กลายเป็นการนำละครเวทีเรื่องนี้มาสร้างสรรค์ในฉบับภาษาไทยที่คงเค้าโครงบทและเพลงจากต้นฉบับไว้มากที่สุดก็ว่าได้ เพราะมีเพียงการปรับเปลี่ยนแค่เพียงมุกตลกขบขันที่เสียดสีสถานการณ์ของบ้านเมืองเอาไว้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมมากขึ้นเท่านั้น การยึดแนวเรื่องต้นฉบับไว้มากที่สุดนี้ถือว่าเป็นอีกรสชาติหนึ่งที่แตกต่างกับเวอร์ชั่นก่อนหน้า และยังทำให้เหตุการณ์ของเรื่องสอดคล้องไปกับบริบทแวดล้อมของเรื่องที่เป็นต่างประเทศ และหากใครที่กังวลว่าบทเพลงเมื่อยึดเอาการตีความอย่างฝรั่งแล้วเมื่อเป็นภาษาไทยแล้วจะฟังขัดหูหรือไม่ลงกับทำนองหรือไม่ ละครเวทีเรื่องนี้พรรณศักดิ์ สุขี หรือครูตู่ผู้สร้างสรรค์บทและผู้กำกับได้เรียบเรียงไว้อย่างดีทั้งการใช้คำที่สวยงามและภาษาเชิงพรรณนาที่ทำให้บทเพลงเหล่านั้นกลายเป็นเพลงที่ใช้ภาษาสละสลวยและมีความหมายไปพร้อมกัน

ละครฟรีที่จัดเต็มด้วยเครื่องแต่งกาย ฉาก แสง เสียงสมกับความเป็นนางโชว์

แม้ว่าละครเวทีเรื่องนี้อาจอยู่ในหมวดหมู่ของละครเวทีที่ผลิตโดยสถานศึกษาและไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการแสวงหากำไร จนอาจทำให้หลายคนเลือกไม่ไปดูเพราะเกรงว่าคุณภาพของผลงานจะไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่บทประพันธ์ต้นฉบับทำไว้ แต่ด้วยความตั้งใจของ BU Theatre Company ที่มีเป้าหมายเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้การทำงานละครเวทีในระดับที่มืออาชีพทำงาน และเพื่อสร้างผลงานที่ยกระดับผู้ชม จึงกำหนดมาตรการสร้างสรรค์ที่มีละครบรอดเวย์เป็นต้นแบบ จนทำให้ปัจจุบันชื่อของคณะละครกลุ่มนี้เป็นชื่อที่การันตีได้ถึงคุณภาพของผลงาน อย่างเช่นในละครเวทีเรื่องนี้ที่ออกแบบฉากและพื้นที่ในโรงละคร Black Box ให้กลายมาเป็นไนท์คลับของตัวเอกที่เชื่อมต่อกับบ้าน และยังทำให้เห็นได้ว่าสถานที่ภูมิหลังของเรื่องนี้เป็นเมืองอยู่ติดทะเลมีชายหาดเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวและผู้คนในเมือง จากองค์ประกอบทั้งหมดนี้จึงนับได้ว่าเป็นการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าทั้งการใช้ผู้ชมเป็นเสมือนนักท่องเที่ยวที่กำลังเข้ามาเที่ยวกลางคืน และการนำเวทีหมุน (Turntable Stage) มาใช้เฉพาะฉากหลักของเรื่องก็ทำให้เรื่องดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่เสียเวลาในการเปลี่ยนฉากมากนัก และเมื่อประกอบกับระบบไฟที่ช่วยกำหนดจุดสนใจให้กับผู้ชมแล้ว การออกแบบไฟในครั้งนี้ช่วยบอกเล่าความรู้สึกของตัวละครได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

นอกจากฉากแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความตื่นตาให้กับผู้ชมเลยนั่นคือเครื่องแต่งกายของนักแสดง เพราะนักแสดงส่วนใหญ่ของเรื่องรับบทเป็นบรรดานางฟ้านางโชว์ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในชุดของพวกเธออย่างเช่นเพชรและขนนกจึงขนมาอย่างเต็มศักยภาพในระดับที่โปรดักชันส์เพื่อการศึกษาจะทำได้ ดังนั้นใครที่ชอบชมชุดสวยๆ ฉากใหญ่ๆ แล้วล่ะก็ละครเวทีเรื่องนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นละครเวทีสเกลเล็กที่คุณภาพไม่แพ้มืออาชีพอย่างแน่นอนพลังการร้องและการแสดงของนักแสดงที่ส่งมาหาผู้ชมอย่างเต็มที่

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้ตลอดไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหน คือเหล่านักแสดงชายที่มาเปลี่ยนลุคแปลงโฉมตนเองให้กลายเป็นนางโชว์สุดล้ำแต่จริตอย่างคุณแม่ และในเวอร์ชั่นนี้ก็เช่นเดียวกันที่มีเหล่านักศึกษาทั้งศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบันมาแปลงโฉมกันชนิดที่ว่าบางคนเพิ่งเล่นเป็นพระเอกหนุ่มในเรื่องก่อนแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นนางฟ้าสุดสวยในไนท์คลับแห่งนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อชมการแสดงพวกเขาแล้วยิ่งพบว่าทุกคนตั้งใจและทุ่มเทพลังไม่น้อยเพื่อให้มีลีลาและพลังการแสดงอย่างโชว์สาวประเภทสองที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงชายแท้แต่งหญิงแล้วมาเต้น

เมื่อนักแสดงหมู่มวลมีพลังเต็มที่จนทำให้ทั่วทั้งโรงละครสนุกสนานเหมือนหลุดมาอยู่ไนท์คลับจริงๆ แล้ว บรรดานักแสดงหลักจะน้อยหน้าได้อย่างไร ละครเวทีเรื่องนี้นักแสดงหลักส่วนใหญ่เป็นศิษย์เก่าที่มาร่วมแสดงซึ่งแต่ละคนก็มีทักษะการแสดงและทักษะการร้องระดับคุณภาพเช่น ผู้รับบทซาซ่านั่นคือชนุดม สุขสถิตย์หรือพัฒน์ที่เคยมีผลงานเพลงออกมาให้ได้ฟังกันบ้าง สำหรับละครเวทีเรื่องนี้เธอจึงทำให้ซาซ่ากลายเป็นตัวแม่ที่มีเสียงทรงพลังและมีวิธีการร้องที่เป็นเอกลักษณ์มีหางเสียงแตกต่างจากเวอร์ชั่นต้นตำรับ ขณะเดียวกันการแสดงที่ต้องออกมาแทบทุกฉากเธอก็ยังพิสูจน์ถ่ายทอดตัวละครตัวนี้ในแบบที่เธอตีความได้อย่างน่าสนใจ ทั้งยังมีอิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ที่มารับบทเป็นจอร์จ ซึ่งเป็นตัวละครที่มีบทบาทในแทบทุกฉากเช่นเดียวกัน และเขาก็ทำให้ตัวละครนี้ส่งเสริมตัวเอกของเรื่อง และยังสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เมื่อ 3 เหตุผลที่ประกอบด้วยบท โปรดักชันส์ และนักแสดงเป็นสามสิ่งที่ประกอบให้ภาพรวมของการแสดงนี้เป็นละครอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาดไม่ใช่เพียงแต่คอละครเวทีเท่านั้น แต่คนทั่วไปที่มองหามหรสพความบันเทิงซักเรื่องที่จะชวนเราหลีกหนีความวุ่นวาย ไปทำความเข้าใจความรักความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและความสนุกสนานของเรื่องราวสุดอลเวงนี้ การแสดงนี้เปิดให้ชมฟรีโดยสามารถจองบัตรได้ที่เว็บไซต์ http://www.butheatrecompany.com และยังเหลือรอบการแสดงในสัปดาห์หน้าให้ได้ชมกัน อย่าลืมไปชมและมาแชร์ความประทับใจที่ไม่ควรพลาดกัน