เวลาอยู่บนสแตนด์เชียร์ กองเชียร์สาวๆ 229 คน ที่ได้รับฉายาว่า "กองทัพแห่งความงดงาม" ได้เรียกความสนใจจากโลกออนไลน์ ด้วยเสียงเชียร์ที่กระตือรือร้น และท่าทางที่พร้อมเพรียงกันอย่างสดใสร่าเริง แต่เวลาอยู่ที่บ้าน พวกเธอเป็นเพียงทาสบำเรอทางเพศของเหล่าคนใกล้ชิดคิม จอง-อึน หนึ่งในผู้แปรพักตร์คือ คิม ฮยอง-ซู วัย 54 ปี ที่หนีออกจากเกาหลีเหนือพร้อมกับลูกชายที่เป็นนักกีฬา เมื่อปี 2552 บอกว่า มันเป็น "เสน่ห์ที่น่ารังเกียจ" ที่เกาหลีเหนือใช้บังหน้าเพื่อหวังเบี่ยงเบนความวิตกของนานาชาติในประเด็นนิวเคลียร์
ไม่ว่านักกีฬาหรือโค้ช ต่างเป็น "ทาสกีฬา" ของคิม จองอึน และระบอบของเขา เพราะสำหรับเกาหลีเหนือ คิม จองอึนและระบอบคือโลกทั้งใบ นักกีฬากับเชียร์ลีดเดอร์ก็มีสภาพเยี่ยงทาส ปัจจัยสำคัญในช่วงเริ่มแรกของการคัดเลือกคือ เฟ้นหาคนที่จะไม่มีวันแปรพักตร์และมีภูมิหลังจงรักภักดี ผู้แปรพักตร์อีกคนหนึ่งคือ ลี โซเยือน อดีตนักดนตรีหญิงแห่งวงดุริยางค์ของกองทัพเกาหลีเหนือ วัย 42 ปี ที่หนีออกมาเมื่อปี 2551
บอกว่า คณะนักแสดงที่มาร้องและเต้นเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของโลกภายนอกแห่งนี้ มีหน้าที่ต้องไปตามงานเลี้ยงและบำเรอทางเพศ ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้พวกเธอ พวกเธอถูกส่งไปงานเลี้ยงของพวกโพลิตบูโรและต้องหลับนอนกับพวกเขา แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนแบบนี้เกิดขึ้น โดยที่ผู้หญิงเหล่านี้ ถูกบังคับให้ต้องพลีเรือนร่าง
ดูเหมือนเรื่องทาสบำเรอทางเพศในเกาหลีเหนือ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้จะมีการเปิดโปงมาหลายปี มี ฮยาง อดีตสมาชิก "หน่วยปรนเปรอความสุข" ให้สัมภาษณ์นิตยสาร Marie Claire ว่า เธอถูกนำตัวมาจากห้องเรียนและถูกฝึกตั้งแต่อายุ 15 ปี
เมื่อปี 2558 ชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ชื่อจัง จิน-ซ็อง ออกหนังสือบันทึกความทรงจำชื่อ "Dear Leader: Poet, Spy, Escapee - A Look Inside North Korea" ระบุว่า มีกลุ่มหญิงสาว "Section Five" ที่มีภารกิจเป็นนางบำเรอให้คิม จองอึน โดยเฉพาะ