svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

ความสุขของ 'ปู-พงษ์สิทธิ์' หมดไปเพราะคนตีกัน

21 กุมภาพันธ์ 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ปู" พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ นักร้องเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่ บอกเล่าความรู้สึกกับภาพที่ถูกมองเป็นศิลปินที่มีคนตีกันในคอนเสิร์ตมากที่สุด

กำลังจะจัดคอนเสิร์ตใหญ่ "50 ปี คำภีร์ ผีโรงเย็น" ในวันที่ 10 มีนาคม ไปเจอกันที่โอเอซิส อารีนา, โชว์ ดีซี แต่ล่าสุด "ปู" พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ นักร้องรุ่นใหญ่ได้ประกาศยกเลิกคอนเสิร์ตนี้อย่างกะทันหัน โดยให้เหตุผลในเรื่องของความปลอดภัย ล่าสุด บันเทิง คมชัดลึก ได้มีโอกาสนักร้องเพื่อชีวิตชื่อดังเรื่องนี้


"อาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เราเล่า มันไปตรงกับชีวิตเขาพอดี คือถ้ามองในแง่ดีนะ แต่บางทีอาจจะไปตรงกับความรู้สึกของเขามากเกินไปอาจจะทำให้เขาของขึ้น ทำให้เกิดอารมณ์และมาเจออีกกลุ่มที่ของขึ้นเหมือนกัน ก็เลยเกิดการกระทบกระทั่งกัน แต่ก้จะมีอีกพวกหนึ่ง พวกเชยๆ ที่มาเพื่อก่อเหตุก็มี อย่าเงวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ พอเราได้เจอ มันทำให้เราได้ท้อ มันทำลายความสามารถ ต่อยกันหมัดเดียว ความสามารถลดลง 20% เราก็ก็ได้แต่ยืนมอง แล้วคิดว่าประเทศไทยของเรา เพราะประทเศอื่นเขาไม่มี ถามว่าเหนื่อยกับสิ่งที่เราต้องเจอไหม มันก็เหนื่อยนะ เพราะบางคนก็คิดแล้วว่าเดี๋ยวพอเพลงนี้มันขึ้นนะ ก็ต้องตีกันแน่ๆ เพราะส่วนมาตีกันเกือบทุกเพลง (หัวเราะ)" 

รู้สึกไหมว่าคนเหล่านี้เหมือนที่จะตั้งใจมาเพื่อตีกัน ไม่ได้มาเพื่อดูคอนเสิร์ต

"มีส่วนนะ และผมเป็นคนเล่น จะให้ผมทำยังไง (ยิ้ม) ซึ่งถ้าถามว่าจะต้องแก้ปัญหาตรงนี้ยังไง ผมว่าการศึกษาสำคัญ การบังคับใช้กฎหมาย แต่ทุกอ่างต้องอดทนใช้เวลา เราต้องขัดเกลาคนรุ่นนใหม่ ลูกหลานเรา เพราะคนรุ่นเราเดี๋ยวก็ตาย แต่อย่างที่เห็นบางทีคนที่ตีกันก็เป็นคนรุ่นใหม่ ก็ต้องมองย้อนกลับไปถึงขั้นตอนการผลิตกว่าจะมาเป็นคนนี้ เขาอาจจะผลิตออกมาไม่ดี"

อย่างล่าสุดมีเหตุการณ์ถึงขั้นเอาปืนจ่อหน้า "ปู" ด้วย

"ก็มี แต่ก็ไม่ได้เจอบ่อย นานๆ อาจจะมีที เพราะบางครั้งก็มีถึงขั้นเอาปืนหลายกระบอกมาจ่อที่เรา โดยคนที่จ่อเขาอยู่ข้างล่างเวทีนะ และวิธีที่ผมใช้แก้ปัญหาคือไม่ถูกต้องก้จริง แต่ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธมากก็เอามือไปปัดกระบอกปืนออก เพราะมันไม่น่าเกิดขึ้น เราก็เดินไปพูดอะไรบ้างอย่างกับเขา แต่ก็ไม่เคลียร์อะไรกันนะ ต่างคนต่างถอย ส่วนสาเหตุที่เขาถือปืนมานั้น ผมว่าตั้งแต่เจตนาแล้วว่าคนอะไรพกปืนมา 7-8 กระบอก แล้วรอดสายตาของเจ้าหน้าที่มาได้ไง ถามว่ากลัวไหมก็กลัวนั้น อย่าว่าแต่ปืนเลย จะให้ไปต่อยกับใครได้"

 

ความสุขของ

ความสุขของ


คือเคยคิดไหมว่าอาชีพนี้ทำไมมันอันตรายขนาดนี้

"ไม่ปลอดภัยเลย ขนาดเดินทางทุกวันก็ยังไม่ปลอดภัย เราย้ายที่ทุกวันก็จะเจอเหตุการณ์ซ้ำๆ จนชินชา มันชินจนรู้เลยว่าเดี๋ยวไอ้โต๊ะนี้ต้องมีเรื่องแน่ๆ สามารถดูออกตั้งแต่เขายังไม่เมาเลย หรือแม้ที่นั้นห้ามสูบบุหรี เดี่ยวอีกสักพักมันก็จะสูบ เราก็ดูออก คือถามว่าเราทำอะไรได้ไหม ก็ย้อนกลับไปคือบ้านเมืองเรายังมีการใช้การบังคับกฎหมายไม่มาเท่าที่เพียงพอ เพราะรู้ไปถึงว่าไอ้คนนี้อาชีพอะไร และเวลาเมาจะกร่างแค่ไหน ถามว่าเซฟตัวเองยังไงบ้างถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น คือไม่มีอะไรเลย"

ใช้ชีวิตบนความเสี่ยงในทุกๆ วันนี้ มีความสุขเหรอ

"เราก็คิดว่ามันไม่เกิดขึ้นกับตัวเราแบบจังๆ ไง (ยิ้ม) แต่เราก็ยังยึดที่ทำอาชีพนี้เพราะเรารักอาชีพนี้ ทำเป็นอย่างเดียว ทำอย่างอื่นไม่เป็นเลย เพราะถ้าคนคิดว่าชีวิตอยู่บนความเสี่ยงแบบนี้ ก็คงไม่มีใครออกไปเล่นดนตรี และคนที่มาดูดนตรี เพราะเขาต้องการมาหาความสุข แต่คนตีกันมันคือส่วนน้อย และ ณ วันนี้ก้ยังไม่คิดจะหยุดร้องดนตรี"

เคยคิดเกษียณตัวเองไหม

"ถ้ามองในฐานผู้ชาย ผมเป็นหัวหน้าครอบครัว จริงๆ ลูกเติบโต ทำงานทำการกันแล้ว เราก็อยู่ได้แบบสบายๆ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย เลิกร้องเพลงก็ได้ แต่ที่ทำทุกวันนี้เพราะมันยังมีความสุข ได้ขึ้นเวทีแล้วมองลงไปข้างล่าง เห็นภาพแบบนั้นแล้วเราจะมีความสุข เหมือนเป็นการต่อลมหายใจให้กับชีวิตเรา และการคนที่มาตีกัน เรามองว่าเป็นส่วนน้อย ขี้ปะติ๋ว ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคนส่วนเหล่านี้จะถูกกำจัดเพราะคนรุ่นใหม่ คนเชยๆ ที่มาตีกันจะหายไป สักวันหนึ่งการตีกันในคอนเสิร์ตจะหมดไป แม้วันนั้นผมจะตายก่อนแล้วก็ตาม คนที่ตีกันคือคนที่นิสัยไม่ดี แต่บางจุดบางจังหวัดคือดีมาก เจ้าหน้าที่เข้าถึงเหตุ ระงับได้เร็ว นั่นคือการบังคับกฎหมายได้ดี เจ้าหน้าที่เดี๋ยวนี้เขาทันสมัย เพราะหลักๆ อยู่ที่เจ้าหน้าที่เป็นหลัก ซึ่งผมก็อยากเห็นวันนั้น วันที่ร้องเพลงแล้วเห้นคนมีความสุข จนจบคอนเสิร์ต (ยิ้ม) และบางทีถ้าตีกันแล้ว ตีเสร็จเราก็เล่นต่อ คือถ้าไม่รุนแรง เพราะอย่างเห็นคนล้มลงปุ๊บ เราก็จะหยุดเพื่อเป็นการห้ามปราม และบางทีก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้าเหตุ คนพวกนี้ก็หายไป เราก้เล่นจนจบคอนเสิร์ต เพราะบางทีไปเล่นจังหวัดเดิมๆ ก็จะเจอคนพวกนี้เหมือนเดิม และพูดตรงๆ ว่ากลัวคนจะติดภาพว่ามีคอนเสิร์ตเราที่ไหน ก็จะมีการตีกันเกิดขึ้น กลัวมันติดตัว บางทีเจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้เล่น อย่างเวลามีป้ายเราขึ้นหน้าผับว่าเราจะไปเล่น เจ้าหน้าที่ก็ไปบอกเจ้าของผับว่าไม่อนุญาติให้เล่น เพราะเดี๋ยวเกิดเหตุตีกัน นี่คือวิธีแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่คือไม่ต้องให้เล่น (หัวเราะ) เหตุการณ์แบบนี้เจอขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้มีปัญหากับเจ้าหน้าที่นะ ถ้าไม่ให้เล่น ผมก็ไปเล่นที่อื่น แต่จริงๆ ก็อยากถามว่าร้านเขาจะจัดคอนเสิร์ต จะเก็บเงินได้สักวัน ทำไมท่านห้ามเขาไม่ให้จัด งั้นท่านก็ต้องเบิกเราเงินกับเขาไหม อยากบอกกับคนที่ตีกันว่ามึงโง่ มึงไม่ฉลาด เพราะคนที่โง่และไม่รู้ว่าตัวเองโง่อันตรายที่สุด น่ากลัวว่าคนฉลาดที่โง่ซะอีก" ปูกล่าว

ความสุขของ

ความสุขของ

logoline