svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"บิ๊กตู่" แจงข้อแตกต่าง "ไทยนิยม-ประชานิยม"

27 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"บิ๊กตู่" แจงหยิบข้อแตกต่าง "ไทยนิยม" VS "ประชานิยม" ปัดไทยนิยมสร้างกระแสชาตินิยม ซัดประชานิยมยัดเยียดให้ปปช. หวังความนิยม-คะแนนเสียงเลือกตั้ง

26 ม.ค. 61 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า ประชาชนที่รักวันนี้อยากให้พวกเราทุกคน และสังคมโดยรวมได้ใช้สติทบทวน ว่าเรารู้อย่างลึกซึ้งถึงความเป็นไทยหรือไม่ พร้อมที่จะหลอมรวมกับความเป็นสากล โดยที่ไม่หลงประเด็น ประยุกต์ไม่เป็น จนเป็นเหตุให้มีแต่ความขัดแย้ง เพราะต่างก็อ้างว่าตนรู้จริง แล้วไม่ยอมฟังเหตุผลของคนอื่น บางครั้งรับแนวคิด วัฒนธรรมของคนอื่นมายึดถือปฏิบัติ แม้จะทำได้ในหลักการ แต่หากขัดกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของเรา ก็คงไม่สามารถประสบความสำเร็จเหมือนเขาได้ จึงเป็นที่มาของคำว่าไทยนิยมของตน ที่มอบให้กับสังคมไทยในวันนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ไทยนิยมนั้น ไม่ใช่การสร้างกระแสชาตินิยม เหมือนที่บางคนไม่เข้าใจสังคมของตน ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลก แล้วพยายามบิดเบือนความคิดของตน โดยไม่ศึกษาให้ดี เพราะชาตินิยมนั้นจะใช้ได้ดี สำหรับป้องกันภัยคุกคาม ภัยจากภาย นอกประเทศ จากการทำสงคราม หรือจากการเข้ามาครอบงำทางความคิดด้วยหลักคิด ลัทธิของชาติอื่น ชาตินิยมจึงมีความจำเป็นสำหรับสถานการณ์เหล่านั้น เพื่อสร้างสำนึกความรักชาติ แต่สำหรับสถานการณ์ของประเทศในวันนี้นั้นเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน เราต้องการการปฏิรูปที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไทย โดยไม่ทิ้งหลักสากล ผมขอย้ำเราไม่ต้องไปทิ้งหลักสากล นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของไทยนิยมที่ตนพูดถึง

"โดยไทยนิยมก็ไม่ใช่ประชานิยม เพราะประชานิยมเป็นการในลักษณะที่เหมือนกับยัดเยียด ทุกคนได้ไปพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง เพราะว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่เหมาะสมกับประชาชน ด้วยการสร้างแนวคิดบริโภคนิยม ที่ผ่านมาประชาชนชอบ พอใจ กลายเป็นว่าประชาธิปไตยกินได้ เหมือนกับนโยบายของที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริง อาจจะทำเพียงเพื่อต้องการความนิยม หรือต้องการคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง หลายอย่างทำไม่ได้ ออกไม่ได้ เพราะทุกคนก็ต้องการคะแนนเสียงกันทั้งหมด เลยทำให้ปัญหาต่างๆพอกพูน มาถึงรัฐบาล มาถึงการใช้จ่ายของภาครัฐ งบประมาณต่างๆ ซึ่งนับวันจะมีปัญหามากขึ้น เราถึงต้องมีการแยกแยะให้ชัดเจน ว่าใครเดือดร้อนอะไรอย่างไร มากน้อยเพียงใด เราก็ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั่วถึง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องให้ความสำคัญให้มาก ว่าเราจะช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้อย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า เพราะฉะนั้นคำว่าประชานิยมนั้นแตกต่างจากไทยนิยม เพราะว่าไทยนิยมนั้นเป็นการต่อยอด ขยายผลจากประชารัฐ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดการระเบิดจากข้างใน การมีส่วนร่วม การรับผิดชอบร่วม แล้วรัฐบาลจึงจะแสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชน ภาควิชาการ ทำให้เกิดเป็น 3 ประสาน ก็คือ ราษฎร์ รัฐ และเอกชน ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ใคร เพราะทุกคนนั้นอยู่ในห่วงโซ่เศรษฐกิจทั้งสิ้น เพราะอยู่ในประเทศของเราเอง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อาจจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและสร้างการพัฒนาได้อย่างยั่งยืน ตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ แก้โจทย์ปัญหาที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชน ด้วยกลไกประชารัฐของตน ของแต่ละท้องถิ่น ตรงความต้องการ และเมื่อมองในภาพรวมทั้งประเทศแล้ว ไทยนิยมจึงเป็นแนวคิดในการบริหารประเทศ ที่อยู่บนพื้นฐานของความต้องการ ตามความนิยม ของคนไทยทั้งประเทศ ต้องนิยมในสิ่งที่ถูกต้อง ที่ถูก ที่ควร นิยมในสิ่งดีๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการมีคุณธรรมจริยธรรม ไม่ใช่ว่านิยมอะไรก็ทำได้หมด คงไม่ใช่ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว เราคนไทยเรารัก และนิยมทำในสิ่งที่ดีงาม ถูกต้อง มีคุณธรรม จริยธรรม อย่างไรก็ตามมีบางคนที่ไม่นิยมไปทำอย่างอื่น ก่อให้เกิดความขัดแย้ง บิดเบือน ทุกอย่างเหล่านี้ยังมีอยู่

"เราต้องสร้างสรรค์ไทยนิยมในสิ่งดีๆให้มากยิ่งขึ้น ถูกต้อง มีคุณธรรม จริยธรรม รักความสงบ เหมือนในเพลงชาติไทยของเรา โดยเฉพาะในช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ชาติไทย ระยะต่อจากนี้ไป มีความสำคัญมาก เพราะต่อกันมาทั้งหมด จากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เราต้องการอนาคตอย่างไร เราก็ต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตที่ดี ประวัติศาสตร์ที่ดี ในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นระยะต่อจากนี้ไปมีความสำคัญกับพวกเราทุกคน ในสถานการณ์ปัจจุบัน สำหรับลูกหลานของเราในอนาคตด้วย เราต้องการการบริหารประเทศอย่างมีวิสัยทัศน์ เพื่อจะสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้กับบ้านเมือง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการสร้างความสามัคคีปรองดองนั้นก็จะต้องน้อมนำศาสตร์พระราชา ด้วยการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา เข้าใจถึงพื้นที่ เข้าใจถึง คน ประชาชนนะครับ เพื่อจะมาประยุกต์ใช้ในการบริหารราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อนำพาประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักของการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง เพื่อการพัฒนาประเทศ และสำคัญหระการหนึ่งที่เราแตกต่างจากคนอื่นเขาคือกับดักการเมือง ซึ่งทางการเมืองของเรามีมากกว่าประเทศอื่นเขา ต้องแก้ไขพวกนี้ให้ได้ แล้วก็จะต้องให้มีการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่หวือหวาชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็ไม่เข้มแข็ง ให้ไปใช้ไปหมดไป

"จะเห็นว่าประชารัฐและไทยนิยมนั้น ก็จะมีความเชื่อมโยงกันอยู่เป็นเนื้อเดียวกัน ไทยนิยมจะเป็นกรอบใหญ่ของทั้งประเทศ คล้ายกับยุทธศาสตร์ชาติที่จะเป็นกรอบใหญ่ให้กับยุทธศาสตร์จังหวัด กลุ่มจังหวัด ภาค ในการพัฒนาท้องถิ่นด้วยกลไกประชารัฐ ทั้งนี้หากเราสามารถสร้างความเข้มแข็ง เน้นการพึ่งพาตนเองได้ตั้งแต่ระดับฐานรากแล้ว ก็จะนำมาสู่ความสำเร็จในภาพ รวมของประเทศได้ ผมก็อยากให้คนไทยเข้าใจคำว่าไทยนิยม ประชารัฐ ยั่งยืน3 คำมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.

logoline