svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ดาวโจนส์ถูกถล่มดิ่งลง 320 จุดในการเปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์

17 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ดราม่าตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท เมื่อดาวโจนส์ถูกถล่มดิ่งลง 320 จุดในวันอังคารซึ่งเป็นการเปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์ หลังพุ่งทะลุระหว่างวันทำจุดสูงสุดที่ 26,123 มาปิดที่ 25.792 ในแดนลบลดบง 10.33 จุดหรือลบ 0.04% ถือเป็นการปรับฐานดัชนีระหว่างวันที่ย่ำแย่ที่สุดอีกวันหนึ่งนับตั้งแต่ที่ีเคยเกิดขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคมปีก่อน


ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างรวดเร็ว จากการที่ดัชนีราคาหุ้นทั้ง 3 ตลาดทั้งดาวโจนส์ Nasdaq และ S&P 500 พุ่งทำนิวไฮมาอย่างต่อเนื่องมาตลอด 1 เดือน โดยเฉพาะดาวโจนส์ม้วนตัวกลับลงมาอยู่ต่ำกว่า 26,000 อีกครั้ง
โดยที่บรรดาเทรดเดอร์ไม่กล้าเสี่ยงต่อการถือหุ้นในระยะยาว หลังจากเริ่มมีสัญญาณของตลาดหุ้นที่เสี่ยงขาลง จึงเกิดความกังวลต่อทิศทางของภาวะตลาดหุ้นกระทิงที่อาจจะกำลังจะสิ้นสุดลง


1. ท่ามกลางความตื่นตัวของตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท ในช่วงเปิดตลาด โดยที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งทะลุ 26,000 ราวกับจะไม่มีสิ่งใดมาหยุดยั้งได้ แต่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในช่วงท้ายตลาดเมื่อดาวโจนส์ปิดเกมลงในแดนลบโดยดิ่งลงถึง 320 จุดจากจุที่ขึ้นไปสูงสุดเมื่อวันอังคาร

ดาวโจนส์ถูกถล่มดิ่งลง 320 จุด จนพลิกกลับมาปิดที่ 25.792 ในแดนลบลดลง 10.33 จุดหรือลบ 0.04% หลังพุ่งทะลุระหว่างวันทำจุดสูงสุดที่ 26,123 ขณะที่ Nasdaq ปิดที่ 7,223 ร่วงลง 37.38 จุด หรือ 0.51% และ S&P500 ปิดที่ 2,776 ลดลง 9.82 จุด หรือ 0.35%



2. นับเป็นการปรับตัวลดลงในวันที่ย่ำแย่มากที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2017 เป็นต้นมา เป็นเพราะนักลงทุนเริ่มกังวลต่อความเสี่ยงของราคาหุ้นที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่สัญญา Options เริ่มมีส่วนต่างราคาที่ตีบลง หลังจากที่ราคาเทลาดเอียงลดลงมาอยู่ในระดับต่ำอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้บรรดาเทรดเดอร์สไม่กล้าเสี่ยงถือหุ้นต่อไป พากันเทขายหุ้นออกมา

นอกจากนี้ บรรดาเทรดเดอร์สไม่กล้าเสี่ยงต่อการถือหุ้นในระยะยาว หลังจากเริ่มมีสัญญาณของตลาดหุ้นที่เสี่ยงขาลง จึงเกิดความกังวลต่อทิศทางของภาวะตลาดหุ้นระทิงที่อาจจะกำลังจะสิ้นสุดลง



3. จากบรรยากาศโดดเด่นในช่วงเปิดตลาดอย่างเริงร่า ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวลดลงเมื่อค่ำคืนอังคาร เนื่องจากสัญญาณทางเทคริค เมื่อ Options Skew กลายเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีมีการปรับตัวลดลงต่ำสุด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย

อีกทั้งตลาดวอลล์ สตรีท ยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่สหรัฐอาจต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ Government Shutdown อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะคะแนนนิยมขแงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ลดลงต่ำสุดที่ระดับ 38% ลดลงจากเดือนกันยายน 2017 ถึง 5%



4. ขณะเดียวกันตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท ก็กำลังถูกโฟกัสในความเสี่ยงสูงเข่นกัน หลังจากที่การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของดาวโจนส์ที่ใช้เวลาเพียง 12 วันทำการซื้อขายในการทะยานขึ้น 1,000 จุด จากระดับ 25,000 จนทะลุ 26,000 ตั้งแต่ต้นชั่วโมงเปิดเทรดเมื่อวันอังคาร

โดยที่ข้อสังเกตของ Morgan Stanley ชี้ว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุดนั้น นักลงทุนได้ทุ่มซื้อจำนวนมากในดัชนี S&P 500 Futures อย่างไม่เคยปรากฏมานับตั้งแต่ปี 2010



5. แต่สำหรับ Bill Gross กูรูการลงทุนในตลาดบอนด์ทั่วโลก กลับเชื่อว่า ตลาดบอนด์สหรัฐได้เข้าสู่ภาวะซบเซาสู่ภาวะตลาดหมีแล้ว หลังจากปรับตัวสดใสเป็นเวลานานกว่า 25 ปี ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ระดับ 2.593%

การที่อัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า BOJ จะลดวงเงินในการซื้อบอนด์ระยะยาวในตลาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนบอนด์ระยะยาวดีดตัวขึ้น และทำให้มีการคาดการณ์กันว่า BOJ กำลังเตรียมใช้นโยบายการเงินที่คุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งยุติการอัดฉีดเงิน QE ในปัจจุบัน

ส่งผลให้เยนแข็งค่าขึ้นเทียบดอลลาร์แตะที่ระดับ 110.52 เยนต่อดอลลาร์ ท่ามกลางการจับตาของนักลงทุนต่อตลาดบอนด์ที่มีอัตราผลตอบแทนพุ่งสูงขึ้น สวนทางดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 2% แล้วนับจากต้นปี 2018

logoline