svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ลุ้น! "โอปราห์ วินฟรีย์" ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี

09 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หลังจากกล่าวสุนทรพจน์กินใจแสดงพลังหญิงบนเวทีลูกโลกทองคำครั้งที่ 75 โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรและนักธุรกิจหญิงผู้ทรงอิทธิพลของสหรัฐฯ ก็กลายเป็นเต็งหนึ่งที่ถูกลุ้นให้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมาจากโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2020 จากการที่เธอสามารถส่งแรงบันดาลใจและแรงปรารถนาที่ฮิลลารี คลินตัน ทำไม่ได้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2016


แม้หนทางไปสู่ห้องทำงานรูปไข่จะยังอีกไกล แต่กระแสเรียกร้องให้โอปราห์ วินฟรีย์ลงสู้ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หรือ "O-for-POTUS" (Oprah Winfrey for the president of United State of America) กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา วินฟรีย์มักแสดงความเห็นที่เชื่อมโยงเรื่องราวของตัวเองกับประเด็นสิทธิพลเมือง และการณรงค์ #MeToo

ซาราดา เพอรี่ ผู้ช่วยพิเศษและนักเขียนสุนทรพจน์อาวุโสของ ปธน.บารัคโอบามา ให้ความเห็นว่า สุนพจน์ที่ยอดเยี่ยมคือ ผู้พูดมีความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าประเด็นที่เขาหรือเธอกำลังพูดถึงคืออะไร และสารที่ส่งออกไปได้กระตุ้นความสนใจที่ถูกที่ถูกเวลาพอดี ซึ่งเมื่อคืนเป็นช่วงเวลาที่สุกงอมสำหรับวินฟรีย์ เธอทำได้อย่างยอดเยี่ยม

สำหรับโลกการเมือง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วินฟรีย์ถูกมองว่า "กำลังโยนหินถามทาง" เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และเธอก็ได้รับเสียงยกย่องเชิดชูจากสุนทรพจน์ที่พูดถึงอนาคตที่ผู้ชายที่มีอำนาจ จะไม่มีโอกาสได้ล่วงละเมิดทางเพศหรือลวนลามผู้หญิงได้อีกต่อไป และรับประกันว่า จะไม่มีใครต้องพูดว่า "Me too" หรือ"ฉันก็ถูกกระทำเหมือนกัน" อีกต่อไป

เบซิล สมิเคิล จูเนียร์ นักยุทธศาสตร์ของพรรคเดโมแครตและอดีตที่ปรึกษาอาวุโสของฮิลลารี คลินตัน ในสมัยที่เป็นวุฒิสมาชิก ให้ความเห็นว่า ฮิลลารีก็ตีโจทย์แตกทุกประเด็น แต่เธอต้องสู้ศึกกับ "20-30 ปี แห่งความโกรธแค้นและชิงชังเธอ" ดังนั้น สิ่งที่เธอพูดออกไปก็เลยไม่จับใจคนสักเท่าไหร่ ในขณะที่วินฟรีย์ ได้พูดยกย่องสื่อ ที่ถูก"กดอยู่ภายใต้วงล้อม" ซึ่งเป็นคำพูดที่เหน็บแนมทรัมป์ และบอกว่า "การพูดความจริง เป็นเครื่องมือที่ทรงอำนาจที่สุดที่เรามี"

แม้จะมีเสียงเร่งเร้าสนับสนุนให้วินฟรีย์ลงสมัครชิงตำแหน่ง ปธน.มาหลายปีแล้ว แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะมีเค้าลางมากที่สุด นับตั้งแต่ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง และชาวเดโมแครต ก็อยากให้วินฟรีย์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนพรรคตัวยง ลงสู้ศึกด้วยตัวเอง

ขณะที่ผลสำรวจของ เมื่อเดือนมีนาคม ปีที่แล้ว ชี้ว่า วินฟรีย์มีคะแนนนิยมเหนือทรัมป์ 47-40% และทอม เจนเซ่น ผู้อำนวยการของ Public Policy Polling ระบุว่า ดูเหมือนมีคนชอบวินฟรีย์มากกว่าฮิลลารี แต่กรณีฮิลลารีก็เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้หญิงที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ต้องมาเสียคะแนนนิยมในเขตเลือกตั้งของตัวเอง เมื่อเธอกลายเป็นผู้สมัครทางการเมือง

ในทางส่วนตัว แม้จะออกตัวว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่วินฟรีย์ไม่ใช่ผู้สนับสนุนฮิลลารี ตอนที่ฮิลลารีแข่งกับบารัค โอบามา เพื่อช่วงชิงการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไปชิงทำเนียบขาว เมื่อปี 2008 เธอบริจาคเงินให้โอบามา ขณะที่สุนทรพจน์เมื่อคืนวันอาทิตย์ คือข้อบ่งชี้เบื้องต้น ที่แสดงถึงสัญชาติญาณทางการเมืองและมีวิสัยทัศน์ที่แท้จริงเกี่ยวกับการเป็นผู้นำในแบบที่ประเทศควรจะมี

logoline