รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง ชี้แจงกรณีสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการบังคับคดี 1 มีหนังสือ เเจ้ง 13 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำเลยคดีแพ่ง ที่ ทอท.ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการชุมนุมปิดสนามบินปี 2551 กว่า 500 ล้านบาท ให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ว่า อัยการสำนักงานบังคับคดีมีอำนาจในการบังคับคดี ในส่วนที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ให้ปรับหรือชำระค่าเสียหาย
คดีนี้อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง13 โดยมีบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด มหาชน (ทอท.) เป็นเจ้าของเรื่อง ดังนั้นในกระบวนการสืบทรัพย์ อัยการจะช่วยดำเนินการสืบทรัพย์โดยการออกหนังสือสอบถาม เรื่องทรัพย์ไปในหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหุ้น บัญชีเงินฝาก หรือ ที่ดิน
เมื่อสืบทรัพย์เเละได้ความว่ามีทรัพย์สินอยู่ที่ใดก็จะเเจ้งให้ ทอท.เจ้าของเรื่องนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ลูกหนี้ ตามคำพิพากษาของศาลที่ได้ออกคำบังคับไว้ ซึ่งทรัพย์ที่ยึดได้จักต้องนำมาขายทอดตลาด แต่หากชำระเเล้วยังไม่พออัยการก็จะดำเนินการตามหน้าที่คือการเเจ้งตัวความ หาก ทอท.มีหนังสือมาขอให้ฟ้องคดีล้มละลายต่อ ทางสำนักงานอัยการสูงสุด ก็มีกองคดีล้มละลายสำหรับฟ้องคดีล้มละลายต่อ ส่วนขั้นตอนการสืบทรัพย์กรณีที่มีการยักย้ายถ่ายเท
คุณโกศลวัฒน์ กล่าวว่า บอกว่า อัยการมีหน้าที่ต้องทำตามกฎหมาย ทำตามคำพิพากษา ที่ศาลออกคำบังคับ หมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลสั่งอย่างไร อัยการมีหน้าที่ทำตามคำพิพากษา หน้าที่ที่ต้องทำคือไปดำเนินการสืบทรัพย์ แล้วแจ้งการท่า อากาศยานแห่งประเทศไทยเจ้าของเรื่องให้ทราบ เพื่อให้การท่าฯ ไปดำเนินการนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เพื่อขายทอดตลาด นำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา อัยการทำหน้าที่ตามกฎหมายเหมือนเช่นคดีทั่วไป