นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า โดยเนื้อหาทั้งหมดมีสมาชิก สนช.ขอแปรญัตติ 4 ประเด็นคือ 1.เสนอให้ตัดเนื้อหาที่กำหนดให้คืน เงินผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต 10,000 บาท และแบบบัญชีรายชื่อ 5,000 บาท หากได้คะแนนร้อยละ 5 ขึ้นไป ซึ่งกมธ.ส่วนใหญ่เห็นคล้อยตามเพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งใช้งบประมาณจำนวนมากหลักพันล้านบาท อีกทั้งยังเป็นภาระยุ่งยากทางธุรการในขั้นตอนการคืนเงิน 2.เสนอให้ตัดการแสดงบัญชีรายการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งส่วนนี้กมธ.เห็นว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหาหากคงไว้ เพราะสรรพากรสามารถแสดงบัญชีย้อนหลังได้ถึง 5 ปี
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า 3.เสนอให้เพิ่มมาตราขึ้นใหม่ โดยกำหนดให้ระหว่างการเลือกตั้ง พนักงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถเข้าตรวจค้นผู้สมัครรับเลือกตั้งได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล หากมีการร้องเรียนว่าไม่สุจริต ซึ่งตรงนี้ หากไปดูกฎหมายกกต.ที่สนช.พิจารณาไปแล้วพบว่า ได้ให้อำนาจกกต.เป็นเจ้าพนักงานตามป.อาญาไว้แล้ว การตรวจค้น ต้องใช้หมายศาล กมธ.บางส่วนมองว่า หากแก้ตามข้อเสนอนี้ อาจจะเป็นการให้อำนาจกกต.มากเกินไป แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อยุติ
ายทวีศักดิ์ กล่าวว่า และ 4.เสนอให้แก้ไขในส่วนของการสำรวจความคิดเห็นหรือการทำโพล์ว่า หลักเกณฑ์ให้เป็นไปตามที่กกต.กำหนด แต่กมธ.ได้มีการปรับแก้เนื้อหาไปแล้ว การสำรวจความเห็นที่ทำกันทั่วไป ไม่มีอคติ สามารถทำได้เหมือนเดิม แต่โพล์ที่ไม่สุจริตไม่สามารถทำได้ ประเด็นนี้ผู้แปรญัตติจึงน่าจะพอใจ
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์หาเสียงบนสื่อออนไลน์ ที่กมธ.สามัญของสนช.เสนอให้ผู้สมัครฯจดทะเบียนนั้น ไม่ได้มีการกำหนดเนื้อหาไว้ เพียงแต่ระบุห้ามใช้หาเสียงก่อนเลือกตั้ง 3 วัน ส่วนรายละเอียดอื่นให้เป็นหน้าที่ของกกต. พรรคการเมือง นักการเมือง และสื่อมวลชน ไปหารือร่วมกัน แล้ววางหลักเกณฑ์ด้วยการออกประกาศกกต.