svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

"เกาหลีเหนือ" ท้าทายโลกสู่เส้นทาง "รัฐนิวเคลียร์"

04 มกราคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตลอดทั้งปีนี้ทั้งโลกต้องอกสั่นขวัญแขวนเมื่อเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธกันเป็นว่าเล่น แถมยังมีการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ที่ทรงอานุภาพมากที่สุดเท่าที่เกาหลีเหนือเคยมีมา ขณะที่ทั่วโลกนำโดยสหรัฐฯ ต่างก็ช่วยกันเพิ่มแรงกดดันผ่านมาตรการคว่ำบาตร และนี่ก็คือข่าวต่างประเทศแห่งปีในอันดับที่ 2 ของเรา


หากเป้าหมายสูงสุดของคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เพื่อความอยู่รอดของระบอบที่สืบทอดจากพ่อสู่ลูกนับตั้งแต่เริ่มสร้างชาติโดยคิม อิล-ซุง ในปี 2491 คือการมุ่งสู่สถานะ "รัฐนิวเคลียร์" ปี 2560 ก็จะถือเป็นปีที่เกาหลีเหนือก้าวกระโดดครั้งใหญ่และเฉียดใกล้เป้าหมายดังกล่าวมากที่สุด จนมหาอำนาจโลกรู้สึกร้อนๆหนาวๆไปตามๆ กัน

3 กันยายน เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 บริเวณฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ ภายหลังหน่วยงานธรณีวิทยาทั่วโลกยืนยันตรงกันว่า นี่ไม่ใช่แผ่นดินไหวตามธรรมชาติ แต่เป็นการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 6 ของเกาหลีเหนือ และเป็นครั้งที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุด ประมาณการกันว่าน่าจะมากถึง 100 กิโลตัน หรือมากกว่าระเบิดที่สหรัฐฯ ทิ้งใส่เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นเกือบ 10 เท่า และเกาหลีเหนืออ้างด้วยว่า นี่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ธรรมดา แต่เป็นระเบิด "ไฮโดรเจน"

ปัจจุบันคาดว่าเกาหลีเหนือมีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 60 ลูก และมีแร่ยูเรเนียมเพียงพอในการผลิตเพิ่ม 6 ลูกต่อปี

28 พฤศจิกายน หลังเงียบหายไปนานกว่า 2 เดือน เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธรอบใหม่ สร้างสถิติที่ความสูงเกือบ 4,500 กม.เหนือพื้นโลก ตกยังทะเลญี่ปุ่นห่างออกไป 960 กม. โดยหากยิงในระยะปกติก็จะมีพิสัยทำการ 13,000 กม. นั่นก็หมายความว่า ขีปนาวุธฮวาซอง-15 สามารถยิงได้ครอบคลุมทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ แต่การทดสอบรอบนี้ไม่อาจเรียกว่าประสบความสำเร็จได้อย่างเต็มปาก เพราะขณะที่พุ่งกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก ขีปนาวุธได้ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ จนลูกเรือบนเครื่องบินที่กำลังบินผ่านบริเวณนั้น สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

โดยสรุปแล้ว ในปี 2560 เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธทั้งสิ้น 16 ครั้ง จำนวน 23 ลูก รวมทั้งขีปนาวุธข้ามทวีปลูกแรกเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐฯ และขีปนาวุธพิสัยปานกลางที่ถูกยิงข้ามเกาะญี่ปุ่น 2 ครั้งในวันที่ 29 ส.ค. และ 15 ก.ย.

การทดสอบระเบิดนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือนำมาซึ่งมาตรการคว่ำบาตรโดยสหประชาชาติถึง 3 รอบ ในช่วงเวลาแค่ 5 เดือน ขณะเดียวกันสหรัฐฯ นำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยง ทั้งการกดดันให้ประเทศต่างๆ ตัดสัมพันธ์ทางการทูต และเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้่นผิงของจีนซึ่งเกาหลีเหนือจำเป็นต้องพึ่งพาทั้งด้านเศรษฐกิจและพลังงานให้เพิ่มแรงกดดัน

แต่ปัจจัยที่หลายคนกลัวว่า นี่อาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็คือการปะทะคารมระหว่าง 2 ผู้นำ โดยทรัมป์ขู่ว่า เกาหลีเหนือจะต้องเจอกับ "เปลวเพลิงและความเกรี้ยวกราด" และดูถูกคิม จอง-อึน กลางที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติด้วยการเปรียบเทียบเป็น "มนุษย์จรวด" ขณะที่ฝั่งคิม จอง-อึนก็ไม่ใช่ย่อย ตอกกลับด้วยการเรียกทรัมป์เป็น "ตาแก่สติไม่สมประกอบ"

logoline