svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

26 ธ.ค.60 ลุ้น"น้องบีม" เหยื่อทนายแสบโกงเงินล้าน ร้องทวงสิทธิบังคับคดีรถชน

28 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"โฆษกสภาทนายฯ" เผย ศาลจังหวัดไชยา นัดฟังคำสั่ง "น้องบีม" ร้องทวงสิทธิบังคับคดี หลังพบอดีตทนายยื่นสละสิทธิไม่ชอบ ขณะที่ทนายแสบรับโทษคดีอาญาแล้ว 5 ปี 12 เดือน


เมื่อวันที่ 28 พ.ย.60 ว่าที่พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือทางคดีกับ นางพรทิพย์ จันทรรัตน์ อายุ 46 ปี และ ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือน้องบีม วัย 14 ปี พิการท่อนล่างนั่งรถวิลแชร์ที่ถูกทนายความหลอกลวงนำเงินที่ได้จากการฟ้องคดีไปเป็นประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งในส่วนของคดีแม่และน้องบีม เคยฟ้อง บริษัทที่พนักงานขับรถบรรทุกชน ไว้ที่ศาล อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่แล้วให้จำเลยต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท 

แต่นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ อายุ 60 ปีทนายความที่เข้าไปช่วยเหลือคดี กลับรับเงินแทนคู่ความโดยไม่ส่งเงินให้น้องบีม-มารดา แล้วยังไปยื่นคำร้องขอสละสิทธิ์การบังคับคดีจากจำเลยโดยอ้างว่าได้ประนอมข้อพิพาทและรับค่าสินไหมมาจนพอใจแล้ว 

ซึ่งต่อมาน้องบีม-มารดาความเพิ่งทราบความจริง จึงได้ให้สภาทนายความช่วยยื่นคำร้องขอเพิกถอน คำร้องสละสิทธิ์การบังคับคดีที่นายพิสิษฐ์เคยยื่นไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น 

โดย ว่าที่ พ.ต.สมบัติ โฆษกสภาทนายฯ กล่าวว่า ศาลจังหวัดไชยาได้นัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการบังคับคดีดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยประเด็นที่นำสืบนั้นค่อนข้างลึกถึงเรื่องปลอมเอกสาร หนังสือมอบอำนาจต่างๆ รวมทั้งเรื่องเช็คสั่งจากโดยบริษัทจำเลย จ่ายระบุชื่อทนายความเป็นผู้รับเงิน แทนที่จะเป็นมารดาและน้องบีม ซึ่งเงินค่าสินไหมทดแทนนั้น ไม่เคยถึงมือน้องบีมและแม่เลย 
และปรากฎจากคำให้การของนายพิสิษฐ์ที่รับสารภาพในคดีอาญาที่ถูกอัยการยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันด้วยว่าได้ปลอมเอกสารเกี่ยวกับสิทธิของคู่ความ 
ดังนั้นเท่ากับว่าแม่และน้องบีม ไม่เคยจะให้สละสิทธิการบังคับคดีการเอกชนตามคำพิพากษาที่ให้ชดใช้เงินล้าน คำร้องขอสละสิทธิ์ในการบังคับคดีที่นายพิสิษฐ์เคยยื่นนั้นจึงไม่ชอบด้วยกฏหมาย ทั้งนี้ผลจะออกมาอย่างไร ศาลจังหวัดไชยา ได้นัดฟังคำสั่งเรื่องการเพิกถอนการบังคับคดีดังกล่าวในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้หากศาลให้เพิกถอนคำร้องสละสิทธิบังคับคดีเดิม แม่และน้องบีมก็ถือว่ายังมีสิทธิบังคับคดีกับเอกชนตามกฎหมายเพราะเงินที่มีการชดใช้นั้นไม่ถึงมือ ส่วนที่บริษัทเอกชนเคยจ่ายโดยผ่านนายพิสิษฐ์ เป็นผู้รับเงินแทน บริษัทก็มีสิทธิที่จะฟ้องกลับเรียกร้องทรัพย์สินจากนายพิสิษฐ์ 
ทั้งนี้ ว่าที่ พ.ต.สมบัติ โฆษกสภาทนายความฯ ยังกล่าวถึงคดีอาญาที่นายพิสิษฐ์ อดีตทนายความน้องบีม ถูกอัยการฟ้องด้วยว่า คดีนั้นสิ้นสุดลงแล้วตามคำพิพากษาศาลจังหวัดตลิ่งชันเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ให้จำคุก 5 ปี 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา นายพิสิษฐ์ (ฐานร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม , ร่วมกันฉ้อโกงและยักยอกโดยเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นผู้มีอาชีพอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง , 268 , 341 , 353 , 354 ) ที่ให้การรับสารภาพ โดยไม่มีการอุทธรณ์คดี 
ส่วนภรรยาของนายพิสิษฐ์ที่ตกเป็นจำเลยร่วมนั้นคดียังอยู่ระหว่างการสืบพยานเพราะว่าให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากคดีอาญาแล้ว น้องบีมและแม่ ยังได้รับความช่วยเหลือจากสภาทนายความฯ และเนติบัณฑิตยสภาฯ ในการจัดทนายความช่วยยื่นฟ้องคดีแพ่งต่างหาก โดยยื่นฟ้องนายพิสิษฐ์ อดีตทนายความที่ฉ้อโกงเงิน และนางพรปวีณ์ ชูแก้ว เป็นจำเลยที่ 1-2 ต่อศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ิ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เรื่องผิดสัญญาตัวแทนและบังคับตามสัญญารับสภาพหนี้ ทุนทรัพย์พิพาท 3,412,500 บาท ซึ่งศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำ พ.3178/2560 คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา 


logoline