เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จังหวัดสงขลา พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงภายหลังประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาปะทะกับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ว่า เหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ของกลุ่มผู้เห็นต่างเรื่องก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพานั้น เนื่องจากกลุ่มผู้เห็นต่างพยายามเดินทางมายื่นหนังสือกับนายกฯและเดิมได้นัดยื่นกับพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 28 พ.ย. 60
แต่อยู่ๆ กลับเปลี่ยนใจอยากจะยื่นในวันที่ 27 พ.ย. ทั้งที่รู้ว่านายกฯปฏิบัติภารกิจอยู่ที่จังหวัดปัตตานีพบปะประชาชน ผู้นำศาสนา ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเกษตรกร ตารางงานแน่นมากและพล.อ.วิลาส ก็ติดตามนายกฯ ตลอดเวลา และตนเองที่เป็นคนติดต่อแม่ทัพภาค 4 เอาไว้ว่า ขอเฮลิคอปเตอร์เอาไว้1 ตัวเพื่อที่จะให้เลขานายกฯ เดินทางมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่สงขลาแต่ปรากฏว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ที่สงขลาว่า กลุ่มผู้ชุมนุมปฏิเสธไม่อยากพบเลขาฯ แต่ต้องการที่จะพบนายกฯ เพียงคนเดียว ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามเจรจาต่อรองว่าให้ส่งตัวแทนมาคุยแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
"ช่วงกลางวันผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้จัดเตรียมพื้นที่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้รับประทานอาหาร ห่างจากพื้นที่ที่เขาชุมนุมบริเวณหลังราชภัฏสงขลาเพียง 100-200 เมตร แต่เขาก็ไม่ไปและจะขออยู่ตรงนั้นตรงกลางถนนที่แดดิ้นแถกกระดี่อยู่กับพื้นถนนอย่างที่เห็นในภาพแล้ว กลับมีข้อมูลข่าวสารออกมาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐพยายามกีดกันไม่ให้พวกเขาไปรับประทานอาหารแล้วมีคนในกลุ่มผู้ชุมนุมใช้โทรโข่งพยายามปลุกเร้า ใช้ด้ามธงทำร้ายเจ้าหน้าที่
กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 4 ราย ดั้งจมูกแตก เนื้อตัวและข้อมือเขียว ส่วนผู้ชุมนุมก็ถูกควบคุมไปดำเนินคดี ทั้งสิ้น 16 คน ฐานฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมฯ และพยายามฝ่าด่านเจ้าหน้าที่เพื่อมายังโรงแรมที่ประชุมของนายกฯ กระทั่งศาลจะต้องประกาศว่าพื้นที่โรงแรมบีพีสมิหลาซึ่งเป็นที่ประชุมนั้นเป็นเขตห้ามเข้าทำให้ภาพที่ออกไปโดยรวมเหมือนกับว่าเจ้าหน้าที่พยายามทำร้ายทั้งที่ประชาชนตั้งใจมายื่นหนังสือกับนายกฯ ทำไมนายกฯลงพื้นที่แล้วไม่รับ"
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลรับฟังข้อมูลข่าวสารทุกด้านไม่ว่าประชาชนยื่นทางใดก็ตาม ทั้งที่ศูนย์ดำรงธรรม ทำเนียบรัฐบาล หรือยื่นต่อนายกฯ หรือทีมงานโฆษกฯก็จะได้รับการแก้ไขไม่มีว่ารับไปแล้วเอาไปซุก ส่วนกรณีที่มีการปล่อยข้อมูลมาว่า นายมุสตาซีดีน บาวา ครูสอนศาสนาโรงเรียนดรุณศาสตร์ หรือ แบมุสที่มีภาพออกไปว่าถูกเจ้าหน้าที่หิ้วปีกแล้ว จนบัดนี้ยังไม่กลับบ้านเป็นนัยว่าเจ้าหน้าที่นำตัวไปเก็บไว้แห่งหนึ่งแห่งใด
"เมื่อเช้าผมโทรศัพท์คุยกับผู้บังคับการจังหวัดสงขลากับแม่ทัพภาค4 ซึ่งทั้งสองส่วนยืนยันว่าทหารและตำรวจไม่ได้จับกุมตัวไปควบคุมจึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นไปได้ที่ท่านเดินทางไปที่ใดที่หนึ่งเหมือนกับคดีที่สะบ้าย้อย เมื่อไม่นานมานี้ที่มีการไปแจ้งว่าผู้ชายคนหนึ่งหายไปเหมือนกับถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไป แต่เมื่อไม่นานเขาก็ปรากฎตัวและยอมรับว่าเดินทางไปเที่ยวกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ภรรยาที่จังหวัดสตูลจึงขอตั้งข้อสังเกตไว้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารยืนยันว่าเราไม่ได้เก็บตัวคุณแบมุสเอาไว้ " พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวย้ำว่า ก่อนหน้านี้หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นหนังสือมาทวงติงโครงการนี้ต้องทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) และ การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(อีเอชไอเอ) ก่อนนั้นนายกฯก็ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วว่าให้ทำก่อน ส่วนกรณีที่เป็นห่วงพื้นที่ก่อสร้างนั้น ก็ยืนยันว่า ถึงขณะนี้ยังไม่ระบุเลยว่าจะสร้างหรือไม่ แต่อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการอีไอเอและ อีเอชไอเอใหม่ ผลออกมาอย่างไรก็ต้องอย่างนั้น เพราะถือเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่านายกฯบอกว่า "จะไม่ทิ้งใครอยู่ข้างหลัง แล้วทำไมทำกับพวกเราอย่างนี้" แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยรวมตัวกันเพิ่มมากขึ้นระหว่างที่เดินเท้าเข้ามา ซึ่งเป็นคำที่บ่งบอกถึงนัยยะการประท้วง ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างทำอีไอเอและอีเอชไอเอ ซึ่งเป็นกระบวนการมีส่วนร่วมและเจ้าหน้าที่ได้เชิญทุกกลุ่มเข้าร่วมทั้งหมด 7 กลุ่ม โดยกลุ่มผู้เห็นต่างคือ 1 ใน 7 แต่ทุกครั้งไม่ยอมเข้าร่วม แต่กลับมาจัดเวทีคัดค้านเป็นเชิงสัญลักษณ์อยู่ด้านหน้า
"เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำร้ายประชาชนแต่ถ้าใครอยู่นอกกฎกติกาไม่เคารพกฎหมายเป็นจุดเริ่มต้นของการละเมิดกฎหมายไม่รับฟังเหตุผลของคนอื่น เอาความประสงค์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง รัฐบาลนี้ไม่ยอมให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย นายกฯรับฟังปัญหาประชาชนทุกอย่าง ยื่นเรื่องที่ไหนก็มีศักดิ์และสิทธิเท่ากัน" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว