พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า จ.เพชรบุรี มีน้ำท่วมสูง ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ระดมกำลังกันสูบน้ำเพื่อป้องกันเรือนจำ โดยนักโทษทั้ง 2 ราย ได้ปีนกำแพงและกระโดดหลบหนี คาดว่าบริเวณร่างกายต้องมีบาดแผลจากลวดหนาม ทั้งนี้หากขณะเกิดเหตุอยู่ในภาวะปกติการกระโดดกำแพงในลักษณะดังกล่าว นักโทษอาจได้รับบาดเจ็บแขนขาหัก แต่ในช่วงเกิดเหตุมีน้ำท่วมสูง ทำให้นักโทษที่กระโดดลงไปจากกำแพงมีน้ำช่วยพยุงน้ำหนักตัวจนสามารถหลบหนีไปได้ ทั้งนี้ระหว่างเกิดเหตุเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขององค์การทหารผ่านศึกที่ประจำการอยู่บนป้อม เห็นเหตุการณ์ได้ตะโกนห้ามปรามและพยายามติดตามตัวแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ และไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิงระงับเหตุ เนื่องจากรปภ.ที่ประจำการบนหอไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธปืน
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวด้วยว่า เรือนจำกลางเพชรบุรีเป็นเรือนจำที่มีความเก่าแก่ มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 88 ปี หอคอยบนกำแพงมีความสูงจากแนวกำแพงไม่มาก แตกต่างจากเรือนจำความมั่นคงสูงอื่นๆที่มีหอคอยสูง และมีเจ้าหน้าที่ติดอาวุธปืนยาวเฝ้าระวังเหตุการณ์ หลังจากเกิดเหตุนักโทษปีนกำแพงหลบหนี ตนจำเป็นต้องเร่งปรับการฝึกยุทธวิธีให้กับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ภายในแดนคุมขัง เจ้าหน้าที่จะพกเพียงกระบองเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษที่มีจำนวนมากกว่าก่อเหตุแย่งชิงอาวุธปืน จะมีเพียงพื้นที่รอบนอกเท่านั้นที่มีอาวุธปืนยาวสามารถใช้ระงับเหตุนักโทษพยายามแหกหักเรือนจำได้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์มีปัญหาขาดแคลนกำลังพลจึงต้องจ้างรปภ.จากองค์การทหารผ่านศึกมารับผิดชอบการเฝ้าระวังเหตุในพื้นที่รอบนอกร่วมกับพัศดี โดยรปภ.จะไม่ได้รับอนุญาตให้พกอาวุธ
สำหรับผู้ต้องขังที่ปีนกำแพงหลบหนีออกจากเรือนจำกลางเพชรบุรี 2 ราย คือ น.ช.ธวัชชัย มะลิแย้ม ต้องโทษในคดียาเสพติด และน.ช.เอกชัย เคลือบแก้ว ต้องโทษคดีลักทรัพย์ และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่28 เม.ย. 60เคยเกิดเหตุ ข.ช.พิชิต โชคภัคชิตพร อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดียาเสพติด ได้ก่อเหตุปีนกำแพงทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ลาดยาว กรุงเทพฯ เพื่อหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ห้ามปรามแล้วใช้อาวุธปืนลูกซอง ประจำกายยิงระงับเหตุ เป็นเหตุให้ผู้ต้องขังตกลงมาเสียชีวิตริมแนวกำแพงเรือนจำ.