วัดบ้านบัวน้อยเงียบเหงาหลังหลวงปู่เณรโตถูกจับ

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 60 ที่วัดบ้านบัวน้อย หมู่ 3 ต.โนนทองหลาง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา โดยบรรยากาศภายในวัดบ้านบัวน้อยเป็นไปอย่างเงียบเหงาพบเพียงพระสมสมบูรณ์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส จำวัดอยู่เพียงรูปเดียว ส่วนบริเวณวัดพบว่ามีร่องรอยการก่อสร้างกุฏิหลังใหม่ของหลวงปู่เณรโต ซึ่งอยู่ติดกับกุฏิหลังเดิมที่ถูกล็อกกุญแจไว้อย่างแน่นหนาภายในกุฏิพบเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ
พระสมบูรณ์อคฺคจิตโต อายุ 55 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านบัวน้อย กล่าวว่า พระถนอมแสง หรือหลวงปู่เณรโต เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มาขอจำวัดอยู่ที่วัดบ้านบัวน้อยเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 หรือเมื่อประมาณ 5 6 เดือนที่แล้วโดยมีนายนดล ซึ่งเป็นเขยของคนในหมู่บ้านเป็นผู้แนะนำมาสำหรับพฤติกรรมของหลวงปู่เณรโตขณะอาศัยอยู่ที่วัดนี้ก็คือจะไม่เคยออกไปบิณฑบาตเพราะไม่ฉันเช้า จะฉันเฉพาะเพลเท่านั้น ในระหว่างวันก็จะมีญาติโยมส่วนมากจะเป็นคนจากที่อื่น เทียวมาหาเป็นประจำตลอดทั้งวัน ส่วนมาทำอะไรบ้างนั้นตนก็ไม่รู้ ส่วนเรื่องเงินของวัดก็ปล่อยให้คณะกรรมการวัดเป็นคนจัดการและเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาพระถนอมแสงหรือหลวงปู่เณรโตได้เดินทางออกจากวัดไปโดยไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหน จนมารู้อีกทีว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับที่กรุงเทพฯ
จากการสอบถาม น.ส. สุทิดา จันคร อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้านบัวน้อย เล่าว่า หมู่บ้านบัวน้อยเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กมีชาวบ้านอาศัยอยู่ 45 ครัวเรือนส่วนพระถนอมแสงหรือหลวงปู่เณรโต เพิ่งมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านบัวน้อยได้เพียง 1 พรรษาเท่านั้น สำหรับพฤติกรรมขณะที่อยู่ที่วัดแห่งนี้ก็จะรับดูดวงให้ชาวบ้าน แต่ละวันมีชาวบ้านจากพื้นที่อื่นมาดูดวง ต่อมาได้มีการขอรับบริจาคจากชาวบ้านอ้างว่าจะนำไปก่อสร้างกุฏิสงฆ์และมีโครงการจะสร้างโบสถ์เพราะวัดบ้านบัวน้อยยังไม่มีโบสถ์นอกจากนี้ยังได้เปิดให้ญาติโยมได้บูชาเหรียญวัตถุมงคลซึ่งมีหลายราคา ตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป
ล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค. 60 ทางวัดได้จัดทอดกฐินได้เงินทำบุญกว่า 290,000 บาท ทางกรรมการวัดนำเงินที่ได้ ไปแบ่งจ่ายให้กับร้านวัสดุก่อสร้างเป็นเงิน 200,000 บาท ซึ่งเป็นค่าวัสดุก่อสร้างที่พระถนอมแสงหรือหลวงปู่เณรโตไปเบิกมาก่อสร้างกุฏิของตนซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับบริจาคจากชาวบ้านไปบ้างแล้วแต่ก็ไม่นำไปจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างเลยนอกจากนี้นายนดล คนขับรถส่วนตัวของหลวงปู่เณรโต ยังได้มาขอเบิกเงินไปเป็นค่าทำเหรียญวัตถุมงคลอีก 52,000 บาท ซึ่งตนและชาวบ้านก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำที่ไหน ส่วนการทำความผิดหรือมีการหลอกลวงมาจากที่ใดก่อนหน้านี้ตนไม่ทราบทราบเพียงพฤติกรรมขณะที่อยู่ที่วัดบ้านบัวน้อยเท่านั้น.