svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศาลนั่งบัลลังก์ ตัดสินคดี "ครูจอมทรัพย์"

17 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงที่ศาลจังหวัดนครพนมนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาฎีกา คดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครูชาว จ.สกลนคร ผู้เคยต้องโทษขับรถชนคนตายโดยประมาท เพื่อตัดสินการรื้อฟื้นคดีนี้

ศาลจังหวัดนครพนม ได้นัด "ครูจอมทรัพย์" ที่ต้องโทษจำคุก 3 ปี 2 เดือนในคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ ซึ่งพ้นโทษแล้วหลังจากได้รับอภัยโทษเมื่อปี 2558 หลังจากถูกจำคุกมานาน 1 ปี 6 เดือน
ผู้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดี และอัยการซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องในคดีเดิม มาร่วมฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาในการพิจารณาพยานหลักฐานที่นำสืบตามคำร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญาใหม่ว่า "จะยกคำร้องขอรื้อฟื้นคดี ว่าเป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาเดิมที่ได้วินิจฉัยแล้ว หรือไม่ // หรือ จะยกพิพากษาเดิม และพิพากษาว่าบุคคลนั้นไม่ได้กระทำความผิด
คดีของ "ครูจอมทรัพย์" วัย 54 ปี เริ่มต้นเมื่อถูกกล่าวหาว่า ขับรถกระบะอีซูซุ สีเขียว ทะเบียน บค 56 สกลนคร ชน นายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 มี.ค.48 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม กระทั่งมีการดำเนินคดี จนกระทั่ง 24 ก.ย.56 ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน
ระหว่างนางจอมทรัพย์ ถูกจองจำตามคำพิพากษาปรากฏว่า เมื่อกลางปี 2557 ได้มีนายสับ วาปี ชาว จ.มุกดาหาร ได้รับสารภาพว่า เป็นผู้ขับรถอีซูซุ สีเขียว รุ่นเคบีแซด ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ชนนายเหลือ พ่อบำรุง ตาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 เม.ย.58 "ครูจอมทรัพย์" พ้นโทษออกมา จึงได้เข้าร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือใช้สิทธิ์ตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาฯ ยื่นคำร้องต่อศาลจังนครพนมที่เป็นศาลชั้นต้นซึ่งเคยพิพากษาคดีเดิมขอรื้อฟื้นคดี
พยานของ "ครูจอมทรัพย์" ผู้ร้อง 9 ปากแต่ไม่ได้อ้างนายสับ วาปี เป็นพยานในชั้นศาล เนื่องจากฝ่ายผู้ร้องให้น้ำหนักทางนิติวิทยาศาสตร์มากกว่าพยานบุคคล โดยฝ่ายผู้ร้องนำสืบเน้นในเรื่องของรถกระบะอีซูซุ สีเขียว ทะเบียน บค 56 สกลนคร ของครูจอมทรัพย์ไม่ได้มีการเฉี่ยวชนเกิดอุบัติเหตุ รวมกับประเด็นที่นายสับ วาปี ออกมารับสารภาพว่าเป็นคนชนนายเหลือ
ส่วนฝ่ายอัยการซึ่งยื่นคัดค้านการรื้อฟื้นคดี ได้นำพยานซึ่งเป็นพยานโจทก์ในคดีเดิมและตำรวจ มาเบิกความเป็นพยานในชั้นศาล รวม 15 ปาก ที่นำสืบเน้นเรื่องของการครอบครองรถอีซูซุ ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ว่าไม่ได้อยู่ในการครอบครองของนายสับ วาปี ที่ออกมาอ้างว่าเป็นคนขับรถชนคนตายในคดีดังกล่าว แต่รถอยู่ในการครอบครองของบุคคลอื่นคือ นายอุบล ไชยบัน ระหว่างปี 2547 - 2551
สำหรับคำพิพากษานั้นออกได้ 2 แนวทาง คือ
1. ถ้าศาลฎีกา เห็นว่า "ครูจอมทรัพย์" ซึ่งเคยได้รับโทษอาญาจำคุกในคดีเดิมทําความผิดจริง ก็จะยกคํารอองขอรื้อฟื้นคดี
2. แต่ถ้าศาลฎีกา เห็นว่า "ครูจอมทรัพย์" ไม่ได่กระทําความผิด ก็จะ พิพากษายกคําพิพากษาเดิม และพิพากษาใหม่ว่า "ครูจอมทรัพย์" ไม่ได้ทําความผิด
ศาลฯยังสามารถกำหนดค่าทดแทนสิทธิที่เสียไปจากการถูกจำคุกได้ตามคำขอของผู้ร้องและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่น การรับค่าทดแทนที่ถูกกักขังตามอัตราที่กำหนดไว้สำหรับการกักขังแทนค่าปรับในประมวลกฎหมายอาญา , การคืนทรัพย์กรณีที่เคยถูกสั่งปรับ , การคืนทรัพย์สินที่ถูกสั่งริบ รวมถึงการขอกลับคืนราชการ

logoline