น.ส.เบญจรงค์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีชาวต่างชาติแอดเฟซบุ๊กตนมาจำนวน 2 ราย ชายคนแรกอ้างตัวเป็นทหารจากประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกคนอ้างตัวเป็นนักธุรกิจ สนใจที่จะซื้อคอนโดในประเทศไทย ตนจึงได้ไปทำการติดต่อคอนโดต่างๆ ตามที่ทั้ง 2 ระบุไว้ให้จากนั้น ชางต่างชาติก็ได้อ้างว่าได้ส่งเงินมาในกล่องพัสดุจำนวน 1.5 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่สามารถนำเงินออกมาให้ได้เนื่องจากติดที่ด่านศุลกากร จะต้องทำการชำระเงินเพื่อนำเงินดังกล่าวออกมา จากนั้นได้ให้หญิงสาวชาวไทยโทรศัพท์มาหายังตนทำทีเป็นพนักงาน และบอกเลขบัญชีและจำนวนเงินที่ต้องชำระ โดยชำระเป็นเงินไทยที่ราคา 100,000 กว่าบาท จำนวน 2 ราย รวมเป็น 200,000 กว่าบาท จากนั้นเมื่อมีการชำระเงินเสร็จสิ้นไปตรวจสอบกลับไปมีพัสดุตามที่กล่าวอ้าง
ด้านนายนเรศ สืบสมุทร อายุ 40 ปี อาชีพขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง สามีของน.ส.เบญจรงค์ กล่าวต่อว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์มายังตนบอกว่าภรรยาพยายามจะกระโดดน้ำ จึงได้รีบมายังสน. ตนทราบเพียงว่าภรรยาของตนได้พูดคุยกับชาวต่างชาติเรื่องการซื้อขายคอนโด แต่ไม่ทราบรายละเอียด ตนได้เตือนไปแล้วว่าอย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ก็ไม่รู้ว่าทำไมภรรยาถึงตัดสินใจจะกระโดดสะพานอาจเกิดจากความเครียด เรื่องเงินเพราะเป็นเงินเก็บมานานและมีเงินบางส่วนของแม่มาด้วย อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ตนเคยไปแจ้งความกับทางสน.ภาษีเจริญ และสน.ตลาดพลูแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา