svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

รอลงอาญา "ศิริโชค" หมิ่นประมาทเจ้าของโรงแรมแลนด์มาร์ค

16 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลอาญาพิพากษา จำคุก 2 ปี ปรับ 1 แสน "ศิริโชค" โพสต์ FB หมิ่นนักธุรกิจตระกูล "สีหนาทกถากุล" เอาเปรียบ ขณะที่ศาลยังปรานีเคยทำคุณประโยชน์ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี

ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 16 พ.ย.60 เวลา 09.00 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3352/2558 ที่นายอนุชา สิหนาทกถากุล อายุ 58 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตระกูลดังบุตรชายของนายมนตรี เจ้าของธุรกิจโรงแรมแลนมาร์ค เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายศิริโชค โสภา อายุ 50 ปี อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยคดี ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ก.ค.- 8 ต.ค.58 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำนองว่า บิดาของนายอนุชาโจทก์ เป็นคนไม่ดี ชอบเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ซึ่งทำให้โจทก์รู้สึกได้รับความเสียหาย จึงนำเรื่องมายื่นฟ้องเป็นคดี

โดยชั้นพิจารณาคดี "นายศิริโชค" จำเลย ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีและระหว่างนั้นก็ได้ยื่นขอประกันตัวไป ซึ่งวันนี้นายศิริโชค จำเลย ก็เดินทางมาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่นำสืบหักล้างกันแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นบุตรของนายมนตรี สีหนาทกถากุล ผู้เสียชีวิต ซึ่งฟ้อง น.ส.เสาวรส โสภา มารดาของนายศิริโชค จำเลยในคดีฉ้อโกงที่ศาลแขวงพระนครใต้ โดยศาลแขวงพระนครใต้มีคำพิพากษาให้จำคุก น.ส.เสาวรส มารดาของจำเลย แต่นายมนตรีบิดาของโจทก์ก็ได้ถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 22 ก.ค.58 จำเลยได้โพสต์เฟซบุ๊ก ประกอบภาพถ่ายระบุว่า แม่โดนหลอกให้ทำสัญญาเงินกู้แล้วไม่ได้รับเงิน สร้างหลักฐานเท็จมาฟ้องคดี และที่แม่ถูกจำคุกเพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอ นายมนตรีเป็นคนขี้โกง ชอบเอารัดเอาเปรียบ คนไหนถูกนายมนตรีโกงตนรู้จัก ต่อมาโจทก์จึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งแล้วก็มีคำพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย

พยานหลักฐานที่นำสืบมาจึงรับฟังได้หนักแน่นว่า จำเลยเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวจริง และการโพสต์ข้อความดังกล่าวในเฟซบุ๊กก็เป็นการกระทำต่อสาธารณะทำให้ผู้ติดตามแสดงความคิดเห็นตำหนินายมนตรี ผู้เสียชีวิต และครอบครัวเปรียบเทียบถึงโจทก์ซึ่งเป็นบุตรว่าจะโกงด้วยหรือไม่ หรือทายาทมีส่วนในทรัพย์ที่โกงด้วย เป็นการทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าผู้เสียชีวิตและครอบครัวโจทก์เป็นคนไม่ดี ได้รับความเสียหาย ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

จึงพิพากษาว่า "นายศิริโชค" จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ให้จำคุก 2 ปี และปรับ 100,000 บาท พร้อมทั้งให้จำเลย ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับด้วย ได้แก่ ไทยรัฐ , เดลินิวส์ , ผู้จัดการ และเดอะเนชั่นภาคภาษาอังกฤษ เป็นเวลา 7 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และเมื่อพิเคราะห์ถึงจำเลยแล้วเป็นบุคคลสาธารณะ เคยทำประโยชน์ ไม่เคยต้องโทษมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ นั้น ปัจจุบันมีการแก้ไขกฎหมายใหม่และบังคับใช้แล้ว ซึ่งไม่รวมความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ดังนั้นจึงให้ยกฟ้องในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับข้อพิพาทระหว่าง นายอนุชา กับศิริโชคนั้น ก็ยังมีคดีแพ่งด้วย ซึ่งนายอนุชา ยื่นฟ้องไว้ต่อศาลแพ่งขอให้นายศิริโชค จำเลย ชดใช้เงินค่าสินไหมทดแทน 20 ล้านบาทจากความเสียหายต่อชื่อเสียง กรณีหมิ่นประมาทเมื่อวันที่ 22 ก.ค.-26 ต.ค.58 ซึ่งนายศิริโชค จำเลย ได้ใส่ความนายมนตรี บิดาของนายอนุชา โจทก์ด้วยการโพสต์เฟซบุ๊กทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า บิดาโจทก์ ทำผิดกฎหมายและหลอกลวงโกงมารดาของนายศิริโชค จำเลย กับบุคคลอื่นๆ

โดยศาลแพ่ง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 เม.ย.60 ให้นายศิริโชค ชดใช้เงิน 2 ล้านบาทให้กับนายอนุชา พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากกรณีหมิ่นประมาทดังกล่าว และให้นายศิริโชค ลงโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 7 วัน โดยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองด้วย

logoline