ตรวจชายหาดชะอำ นำร่อง "ชายหาดปลอดบุหรี่"

จากกรณีที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เตรียมออกระเบียบห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณชายหาดเนื่องจากพบว่าซองบุหรี่ และก้นกรอง เมื่อสัมผัสน้ำจะปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษต่อห่วงโซ่อาหารและกระทบทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก โดยประกาศ 20 หาดนำร่องทั่วประเทศ ประกอบด้วย หาดแม่พิมพ์, หาดแหลมสิงห์, หาดบางแสน, หาดชะอำ, หาดเขาตะเกียบ, หาดบ่อผุด (เกาะสมุย), หาดทรายรี, หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต, หาดเกาะไข่นอก และเกาะไข่ใน จ.พังงา, หาดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, หาดพัทยา, หาดจอมเทียน จ.ชลบุรี, หาดสมิหลา จ.สงขลา เป็นต้น และจะขยายผลไปในอนาคตเพื่อประกาศใช้กับทุกชายหาดในประเทศไทย ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 15 พฤศจิกายน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วย นายบรรณารักษ์ เสริมทอง ผู้บริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่งทางทะเล หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเดินทางมาตรวจตามโครงการชายหาดปลอดบุหรี่ ชายหาดชะอำ ซึ่งเป็น 1 ใน 20 หาดทะเลนำร่องโครงการเบื้องต้นพบเทศบาลเมืองชะอำ

โดยนายนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ นายกเทศมนตรีเมืองชะอำ ได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวชายหาดชะอำ เป็นพื้นที่ที่สูบบุหรี่ชายหาดชะอำทั้งหมดที่มีความยาว 5 กิโลเมตร มีจุดสูบบุหรี่ 3 จุดหลักๆ และ 10 จุดย่อย แต่ละจุดพบก้นบุหรี่จำนวนมาก และไม่พบนักท่องเที่ยวสูบบุหรี่บนพื้นที่ชายหาด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชน นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญสำหรับพื้นที่สูบบุหรี่ที่ได้จัดเตรียมไว้ โดยต่อไปเทศบาลเมืองชะอำจะขยายจุดสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นเป็นทุก 100 เมตร ต่อ 1 จุด

นายจตุพร เปิดเผยว่า การห้ามสูบบุหรี่บนชายหาดเป็นการจัดระเบียบให้สูบเป็นที่ก่อนลงไปเดินชายหาดมีที่สำหรับทิ้งก้นบุหรี่ให้ แต่ห้ามไม่ให้ลงไปเดินทอดน่องที่ชายหาด เดินไปสูบบุหรี่ไปอย่างนี้ การดูแลควบคุมนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่ ทช.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ช่วยกันดูแล สำหรับโทษ เราดำเนินการตามกฏหมายเต็มรูปแบบ คือ คนที่ฝ่าฝืนจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จะเริ่มบังคับใช้จริงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 และอาจมีการประกาศใช้ในชายหาดทั่วประเทศ

"อยากจะเรียนว่าชายหาดและตลอดจนน้ำทะเลเป็นของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนร่วมกันดูแลรักษาเพื่อให้ธรรมชาตินั้นได้มีความสวยงามและก็คงอยู่ตลอดไป และเมื่อทะเลสวยงามปลอดมลพิษ นักท่องเที่ยวก็จะนิยมมาพักผ่อนซึ่งจะเป็นการสร้างเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย" นายจตุพร กล่าว