นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา แอบแวะร้าน "จอลลีบี" แฟรนไชส์เบอร์เกอร์และไก่ทอดชื่อดังของฟิลิปปินส์ ในระหว่างไปร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31ที่กรุงมะนิลา เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ และยัง "หว่านเสน่ห์" ด้วยการพูดคุยและถ่ายรูปกับพนักงานและลูกค้าภายในร้านอีกด้วย ซึ่งนับเป็นไฮไลต์สำคัญระหว่างฟิลิปปินส์กับแคนาดา หลังจากจอลลีบี เพิ่งไปเปิดสาขาที่เมืองวินนิเพ็ก เมืองเอกของรัฐแมนิโทบา ของแคนาดา และมีชาวฟิลิปปินส์อาศัยอยู่มากที่สุด
การแวะร้านจอลลีบีของผู้นำแคนาดา เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของชาวฟิลิปปินส์ กรณีที่ตู้คอนเทนเนอร์ 103 ตู้ ที่บรรทุกขยะเน่าเสีย 2,500 ตัน จากแคนาดา ถูกตั้งทิ้งอยู่ที่ท่าเรือมะนิลา นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข ได้ประท้วงตั้งแต่คอนเทนเนอร์เดินทางมาถึงเมื่อ 4 ปีก่อน และเรียกร้องให้แคนาดาเอาขยะ ส่วนใหญ่เป็นผ้าอ้อมผู้ใหญ่ใช้แล้ว, ถ้วยพลาสติกใช้แล้ว และแผ่นซีดี กลับคืนไป
สื่อท้องถิ่น รายงานว่า สิ่งปฏิกูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ ถูกขนส่งเข้าประเทศโดยใช้ชื่อ "พลาสติก รีไซเคิล" บังหน้า เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2556 และตั้งอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใคมาอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของนาน 8 เดือน จนกระทั่งกลิ่นเหม็นโชยออกมา และเมื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบก็พบว่า มีแต่ขยะที่ต้องฝังกลบและถือเป็นการจัดส่งสินค้าอันตรายและได้กักขยะเหล่านี้ไว้นับแต่นั้น
รัฐบาลแคนาดาอ้างว่า ไม่สามารถจัดการขยะเหล่านี้ได้ เนื่องจากกฎหมายในประเทศว่าด้วยการนำเข้าและส่งออก ไม่ได้ครอบคลุมขยะในครัวเรือน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของขยะหลายพันตัน ตอนที่เผชิญหน้ากับผู้สื่อข่าวในการเยือนฟิลิปปินส์เมื่อ 2 ปีก่อน ทรูโดบอกว่า "ทางออกของแคนาดา" (Canadian solution) ได้ถูกดำเนินการแล้ว และบอกด้วยว่า จะมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก แต่ในปัจจุบัน ดูเหมือนขยะยังคงอยู่ที่เดิมโดยไม่ถูกแตะต้อง อันแสดงให้เห็นว่า ยังไม่ได้มีความพยายามแก้ปัญหาใดๆ เกิดขึ้น และร้านจอลลีบีที่ทรูโดไปแวะ ก็อยู่ห่างจากที่ตั้งขยะแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น ซึ่งนักเคลื่อนไหวกลุ่ม "EcoWaste Coalition" ได้เรียกร้องให้แคนาดานำขยะกลับคืนไป โดยระบุว่า แคนาดาเป็นประเทศร่ำรวย มีศักยภาพในการจัดการกับขยะได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนและสิ่งแวดล้อม