ญาติไม่เผาศพหนุ่มใหญ่ หลังถูกฆ่าตายนับเดือนแต่คดีไม่คืบ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ณ บริเวณวัดหนองแสง หมู่ที่ 3 บ้านต้นปรง อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของพิธีทางศาสนาของนายเทียบ รักราช ซึ่งเป็นพ่อของนางปราณี รักราช ผู้ร้องเรียน และญาติ ๆ ได้รวมตัวกันร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ หลังจากที่นายเทียบ รักราช ซึ่งเป็นพ่อของตนถูกคนร้ายเข้าไปสังหารถึงแก่ความตายภายในบ้านจนมาถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี ซึ่งบรรยากาศภายในวัดวันนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้า และมีเพียงแค่ญาติ ๆ และหลาน ๆ เท่านั้น

จากการสอบถามชาวบ้านและญาติ ๆ ถึงความคืบหน้าของคดี ทราบว่าตั้งแต่เกิดเหตุก็ไม่ได้ติดต่อประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ.ต.ท.สาโรจน์ ช่องรักษ์ รอง.ผกก สภ.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งเป็นเจ้าของคดี แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำหลายคน แต่ดูเหมือนว่าไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ส่งผลให้ญาติ ๆ เริ่มไม่เชื่อมั่นในกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อมาถึงวันกำหนดเผาวันนี้ มองว่าผ่านมาหลายวันไม่มีความคืบหน้าของคดี เอาผิดกับใครก็ไม่ได้ จับคนร้ายก็ไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจที่จะไม่เผาศพ จนกว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ และหลังจากเสร็จพิธีกรรมทางศาสนาจะเก็บศพเอาไว้จนกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะหาคนผิดมาลงโทษ 

นางปราณี รักราช อายุ 32 ปี เป็นบุตรสาวของผู้ตาย กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า จะเก็บศพไว้จนกว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับคนร้ายได้ ถ้าจับไม่ได้ก็จะไม่เผา จึงฝากบอกผ่านสื่อไปว่า ขอให้เร่งคดีให้เร็วที่สุด เพราะตนเองและญาติ ๆ ก็ไม่มีใครแล้ว ขอให้จับคนร้ายให้ได้เพราะพ่อคงนอนตายตาไม่หลับรวมถึงตนเองและญาติ ๆ ด้วย คงนอนไม่หลับเช่นกัน ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุก็ไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างไรบ้าง ดูจากสภาพที่คนร้ายกระทำกับพ่อช่างโหดร้ายมาก ถ้าจะโกรธจะเกลียดก็ไม่ถึงต้องทำกันขนาดนี้ ไม่ต้องถึงกับขนาดแทง วางยากันก็ได้ ถ้าเกลียดท่านมากก็ให้ไล่ไปก็ได้ ไม่สมควรจะทำอย่างนั้นเลย จึงอยากเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายให้เร็วที่สุด ไม่ต้องการให้คนร้ายเที่ยวเดินลอยนวล ซึ่งยืนยันว่าจะไม่มีการเผาศพจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับคนร้ายมาลงโทษได้ 

ทางด้านนายอุทัย พยัคพันธ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้นำท้องที่ หลังจากเกิดเหตุได้กำชับให้เจ้าหน้าที่มาเฝ้าดูแลความปลอดภัยก่อนจะเสียชีวิตประมาณ 2 วัน ตนเองอยากจะให้คดีนี้มีความชัดเจนและยุติธรรมเพราะเป็นคดีร้ายแรง ตอนนี้ชาวบ้านหวาดผวาที่เกิดเหตุในหมู่บ้าน ซึ่งตนเองก็เพิ่งจะทราบจากญาติของผู้ตายว่าจะไม่ดำเนินการเผาจนกว่าเรื่องคดีนี้จะชัดเจน และสิ่งที่น่าจับตาขณะนี้ คือ ญาติ ๆ เริ่มระแวงกันเอง แต่ตนในฐานะผู้ใหญ่บ้าน ก็จะให้ความเป็นทุกฝ่ายกับคดีนี้