นำกำลังเข้าจับกุม นายปราโมทย์ สุวรรณพิทักษ์ หรือผู้ใหญ่บอย อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี น้องชายของ น.ส.กฤษณา หรือ โมนา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2479/2560 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 ข้อหาร่วมกันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งหลักฐานในการกระทำความผิด จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 91 ซอยศาลาลอย แยก 5 หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนเชื่อว่านายปราโมทย์ มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จึงขออำนาจศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว โดยควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีที่ บก.ป.
ขณะที่กำลังอีกชุดนำโดย พ.ต.ต.พงศ์ทักษ์ บุญบำรุง สว.กก.5 บก.ป.เข้าจับกุม น.ส.เอ (นามสมติ) อายุ 16 ปี หลานสาวของ น.ส.กฤษณา ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี ที่ 9/2560 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ข้อหาร่วมกันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งหลักฐานในการกระทำความผิด จับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 7 ชั้น 3 หอพักสุภาพร หมู่ 3 ต.โพไร่หวาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี หลังจากพบว่า น.ส.เอ ร่วมกระทำความผิด
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า ทาง พ.ต.อ.ภูมินทร์ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.5.บก.ป.ติดตามจับกุม น.ส.ปรารถนา ท้วมทรัพย์ หรือเม้าส์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2478/2560 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 ในข้อหาเดียวกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวไว้ได้ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และมีการควบคุมตัวมาสอบปากคำแล้ว
สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมทั้ง 3 ราย ในคดีดังกล่าวนั้น สืบเนื่องจากทางพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.ได้รวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานในคดีซึ่งให้การซัดทอดว่าทั้งหมด มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดร่วมกับ น.ส.กฤษณา จึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมตัวทั้งหมดไว้ได้ในที่สุด ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดถูกควบคุมตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดที่ บก.ป.
ด้าน พ.ต.อ.ไมตรี กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทางผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพ โดยคดีดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยในส่วนแรกของ น.ส.กฤษณา ถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดยเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ กทม.และอีกส่วน คือกรณีของผู้ต้องหาที่เหลือทั้ง 3 ราย ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งหลักฐานในการกระทำความผิด โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ร่วมกันนำศพผู้เสียชีวิตไปฝังในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเกี่ยวกับการแบ่งหน้าที่กันในการนำศพไปฝังอำพรางคดีพ.ต.อ.ไมตรี กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีของ น.ส.ปรารถนา ซึ่งถูก น.ส.กฤษณา หรือโมนา ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้ทำร้ายผู้เสียชีวิตนั้น จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ยังไม่พบว่า น.ส.ปรารถนา มีส่วนร่วมในการลงมือก่อเหตุดังกล่าวแต่อย่างใด อีกทั้งจากการสอบปากคำ น.ส.ปรารถนา ก็ให้การปฏิเสธเกี่ยวกับกรณีการทำร้ายผู้เสียชีวิต ขณะที่ผลตรวจดีเอ็นเอศพผู้เสียชีวิต ยังอยู่ระหว่างรอผลจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อยืนยันอย่างเป็นทางการ
รรท.ผบก.ป.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดี ในส่วนของการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมทั้ง 3 รายนี้ ถือว่าได้จับกุมผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวครบทั้งหมดแล้ว สามารถตอบคำถามสังคมได้ทุกคำถามเนื่องจากที่ผ่านมา หลังจากจับกุม น.ส.กฤษณา ไว้ได้แล้ว ยังมีผู้สอบถามถึงกรณีผู้ร่วมกระทำความผิด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่เหลือ และจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ น.ส.กฤษณา ได้รับการประกันตัวชั่วคราวในชั้นศาลเป็นเพราะพยานหลักฐานทางคดีอ่อนหรือไม่ พ.ต.อ.ไมตรี กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นดุลพินิจของศาลไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของทางตำรวจ แต่หากพบว่ามีการเข้าไปยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐานในคดี ก็อาจมีการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ยกเลิกการปล่อยตัวชั่วคราวได้ ส่วนกรณีที่ นางจันทิรา ศรีศักดิ์ อายุ 48 ปี ชาว จ.เพชรบุรี มารดาของผู้เสียชีวิต ร้องทุกข์ว่ามีโทรศัพท์จากชายลึกลับติดต่อเข้ามาหาโดยขอให้ล้มคดี และทำให้หวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตนั้น เท่าที่ได้สอบถามแล้วพบว่า นางจันทิรา ไม่ได้ถูกโทรศัพท์มาข่มขู่โดยตรง และยังตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นผู้ใด