พล.ต.อ.วิระชัยฯ ประกาศ!! กู้ศักดิ์ศรีตำรวจหลีเป๊ะ ทวงคืนผืนดินเกือบ 10 ไร่

และตรวจสอบว่าภาคเอกชนที่มาปลูกอาคารนั้น เข้ามาปลูกสิ่งปลูกสร้างถาวรได้อย่างไร และเอกสารที่ได้มานั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ซึ่งในส่วนนี้ จะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป หากตรวจสอบพบว่ามีบุคคลใดร่วมกระทำผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชนหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการบุกรุกที่ดินบนอุทยานเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอใช้จำนวน 10 ไร่จริง ก็จะต้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุกในเรื่องของคดีอาญา

ส่วนเรื่องของกรณีได้มาโดยชอบหรือมิชอบ ก็ต้องตรวจสอบว่ามีใครบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเราได้ดำเนินการประชุมคณะทำงาน ชุดสืบสวนสอบสวน คงมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นภายในวันนี้ ว่ามีพยานหลักฐานอะไรบ้าง ที่ดินบริเวณนี้เป็นที่ดินของวนอุทยานแห่งชาติ มาก่อนและเอกสารที่ได้มานั้นถูกต้องหรือไม่ และวันนี้จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ที่ดิน ตำรวจในพื้นที่ที่รับราชการอาศัยอยู่มานานมาสอบสวนยืนยัน เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า มีผู้ร่วมกระทำความผิดในครั้งนี้นับตั้งแต่การออกเอกสารสิทธิ์ หากพบว่ามีผู้ใดที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ในการกระทำความผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการขออนุมัติหมายจับ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี

นอกจากนี้จากการตรวจสอบบริเวณพื้นที่แห่งนี้ เรามีพื้นที่ 10 ไร่ ปัจจุบัน เราเหลือเพียงครึ่งไร่ ส่วนอีก 9 ไร่ครึ่ง คือส่วนที่ถูกบุกรุกไป เราจะมาตรวสอบกันว่า 9 ไร่ครึ่ง ที่ถูกบุกรุกไปนั้น ว่ามีใครบ้างที่มาบุกรุกสร้างอาคารอยู่ตรงนี้ ส่วนจะมีกี่รายนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด

นอกจากนี้ ได้ดำเนินการตรวจสอบชี้แนวเขตพื้นที่ ที่ได้รับอนุญาตจากวนอุทยานหลีเป๊ะจำนวน 10 ไร่โดยมี ร.ต.ท.วิถี ศรีวรา รอง สวป.สภ.หลีเป๊ะ และ ร.ต.ท.ประยูร ชอบแต่ง รอง สวป.สภ.หลีเป๊ะ ซึ่งรับราชการและอาศัยอยู่ที่ สภ.แห่งนี้มาหลายสิบปี และนายพันธ์พงค์ พงศ์แก้ว หน.อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา นายศุภเศษรฐ์ ตามประหัสถ์ ผช.หน.อุทยานแห่งชาติตะรุเตา พาชี้แนวเขตทั้งสี่ทิศ เพื่อประกอบพยานหลักฐานต่อไป

นายพันธ์พงค์ พงศ์แก้ว หน.อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา และดูแลอุทยานแห่งชาติหลีเป๊ะ กล่าวว่า วนอุทยานแห่งชาติได้ดำเนินการ แจ้งความ เพื่อดำเนินคดีกับผู้บุกรุก เพื่อดำเนินคดีกับผู้บุกรุก ขณะนี้ สำนวนทั้งหมด ได้เข้าสู่ชั้นพนักงานอัยการ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์พบว่า มีการบุกรุกเข้ามาในที่ของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งในชั้นต้นเรามีการบุกเข้ามาในพื้นที่อุทยานจริง ส่วนการดำเนินคดีผู้บุกรุกไปแล้วมีจำนวน 30 กว่าราย