ในวันนั้น เป็นการชกป้องกันตำแหน่งครั้งแรกของ "มันซีนี" ด้วย โดยจัดบนเวทีกลางแจ้งในช่วงเวลาเย็น ใครที่จำได้และเคยติดตามการชกนัดนี้ จะพบว่าเป็นไปอย่างดุเดือด หากแต่ฝ่ายนักชกชาวเกาหลีใต้กลับถูก นักชกแดนอินทรีย์ไล่ชกแต่เพียงข้างเดียว
คิมด้วยใจฮึดสู้จึงกัดฟันต่อยมาจนยกที่ 14 คิมถูกคู่ต่อสู้ชกเข้าใบหน้าอย่างจัง จนหงายท้องล้มไปทั้งยืน แต่เขายังฮึดสู้ลุกขึ้นมาเกาะเชือกราวเวทีมวย จนกรรมการมานับ 3 แล้วอยู่ๆ ฝูงชนก็เฮลั่นเมื่อกรรมการบนเวทีตัดวินให่ "มันซีนี่" เป็นฝ่ายชนะน็อค!!
แต่ผู้คนรอบๆ ไม่มีใครรู้ว่าบนเวทีเดียกวัน อีกฝ่ายหนึ่งที่ล้มลงอย่างผู้แพ้ ได้หมดสติไป และไม่มีวันฟื้นคืนมาอีกตลอดกาล
เวลานั้นว่ากันว่าแพทย์สนาม คือ น.พ.ลอนนี่ แฮมมาร์เกร็น ได้ทำการตรวจสมองของคิมก็พบว่าสมองไม่ทำงานเสียแล้ว ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลเดเสิร์ตสปริงทันที
จนที่สุดผู้คนมารับทราบในวันต่อมาว่านักชกคู่ชิงของ "มันซีนี่" ได้หมดสติไปในวันนั้นเอง ซึ่งข่าวนี้ได้แพร่ไปถึงประเทศเกาหลีใต้ "ซุน เยียว-ยัง" มารดาของคิมได้ทราบข่าวได้แต่ร้องไห้ ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ออกเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้นางและลูกชายอีกคน คือ "ยคิม คุน-ย็อง" เดินทางไปดูอาการของ "คิม ด็อก-กู" ถึงสหรัฐอเมริกา
หลังจากคณะแพทย์ทำการผ่าตัดสมองหลายรอบแล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้น รวมทั้งได้รับการรักษาแบบฝังเข็มด้วยคณะแพทย์เกาหลี 4 คนที่เดินทางไปด้วย มารดาของเขาจึงได้ตัดสินใจให้แพทย์ถอดเครื่องปั๊มหัวใจออก และให้คิม ด็อก-กูจากไปอย่างสงบ ในตอนเย็นของวันที่ 18 พฤศจิกายน จากนั้นได้มีการทำพิธีส่งมองร่างของเขา เพื่อส่งกลับประเทศ โดยมีเทศบาลเมืองลาสเวกัสเป็นผู้ทำพิธีให้ สิริรวมอายุเพียง 27 เท่านั้น!
อย่างไรก็ดี หลังการตายของคิมที่ว่าสลดหดหู่แล้ว ยังมีเรื่องเศร้าตามมาอีกไม่จบ เมื่อหลังกลับมาเกาหลีใต้ได้เพียง 4 วัน นางซุน เยียว ยาง ผูกคอตายตามลูกชายไปอย่างเศร้าสะเทือนใจคนทั้งโลกขณะที่ ริชาร์ด กรีน กรรมการบนเวทีวันนั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ที่สุด ทนแรงกดดันไม่ไหวตัดสินใจฆ่าตัวตายในเดือน ก.ค. 2526!
ที่สุดการเสียชีวิตของคิม ด็อก-กู (Duk-Koo Kim)ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการมวยสากลอาชีพเมื่อทางสมาคมมวยโลกได้ทำการปรับเปลี่ยนกติกาจากเดิม 15 ยก มาเป็น 12 ยก มาถึงปัจจุบัน
สำหรับประวัติของนักชกแดนโสมขาวคนนี้ เกิดเมื่อวันที่8 มกราคม พ.ศ. 2498 ที่หมู่บ้านชาวประมงยากจนในเมืองโกจิน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่ออายุได้ 5 ขวบ พ่อก็เสียชีวิต เมื่ออายุ 14 ได้เดินทางเข้ามายังโซล เมืองหลวงของประเทศ เพื่อศึกษาต่อด้านวิชาชีพและชกมวยอาชีพ ซึ่งประสบความสำเร็จภายในระยะเวลา 4 ปี เมื่อได้ครองแชมป์ของสหพันธ์มวยภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF) ในรุ่นไลท์เวท