เจ้าอาวาสวัดหนองคูบอนโต้กลับ ไม่ได้ปล่อยเงินกู้ ยันถูกปลอมลานเซ็นในสัญญา

(10 พ.ย.60) จากกรณีที่ชาวบ้านหมู่ 8 บ้านหนองคูบอน ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนให้ตรวจสอบ พระอธิการสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองคูบอน โดยกล่าวหาว่าเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส ทั้งมีพฤติการณ์รับจัดไฟแนนซ์ และปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้านรายละ 5,000 30,000 บาท โดยเก็บอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาทต่อเดือน โดยชาวบ้านที่ร้องเรียนได้นำหลักฐานการทำหนังสือสัญญาเงินกู้ของปี 2549 2551 มาเป็นหลักฐานด้วย ซึ่งชาวบ้านมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม จึงต้องการให้นิมนต์เจ้าอาวาสรูปดังกล่าวออกจากพื้นที่

ล่าสุดพระอธิการสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองคูบอน ได้ออกมาโต้พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ปล่อยเงินกู้ตามที่ถูกชาวบ้านร้องเรียนกล่าวหา แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาเมื่อปี 2549 2551 เคยมีชาวบ้านในหมู่บ้านมาขอยืมเงินกับอาตมาที่วัดจริง โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานาว่ามีความจำเป็นเดือดร้อนต้องการใช้จ่ายเงิน ด้วยความที่เป็นพระมีความเมตตาสงสารและเห็นใจชาวบ้านที่เดือดร้อน จึงให้ยืมเป็นบางคนที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น รายละ 5,000 หรือ 10,000 บาท แต่ไม่ได้เรียกเก็บดอกเบี้ยหรือทำสัญญาเงินกู้กับชาวบ้าน และไม่เคยทวงถามหากชาวบ้านพร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยนำมาคืน และเงินที่ให้ชาวบ้านยืมก็เป็นเงินส่วนตัว ที่ขายที่ดินมรดกได้ 300,000 บาทตั้งแต่ก่อนจะบวช ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินของวัด ซึ่งเงินของวัดก็มีคณะกรรมการดูแลอยู่แล้วไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย

เจ้าอาวาส ยังระบุด้วยว่า ลายเซ็นในหนังสือสัญญาเงินกู้ที่ชาวบ้านนำมาร้องเป็นลายเซ็นที่ถูกปลอมแปลงขึ้น และเป็นหนังสือสัญญาเมื่อปี 2549 2550 หรือเมื่อ 10 ปีก่อนแล้วทำไมถึงพึ่งมาร้องเรียน จึงเชื่อว่าน่าจะถูกกลั่นแกล้งเพราะต้องการให้ย้ายไปอยู่วัดอื่นมากกว่า ซึ่งอาจจะมีจุดประสงค์หรือเจตนาอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตามหากมีหน่วยงานรัฐหรือคณะสงฆ์ มาตรวจสอบก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ ทั้งอยากวิงวอนสังคมควรฟังข้อมูลให้รอบด้านก่อนจะตัดสินว่าใครผิดใครถูก

ขณะที่นายกมล แคนเสาร์ อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองคูบอน ได้ออกมาระบุว่า สมัยที่ตนเองดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเมื่อปี 2547 -2552 ได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว ให้เป็นคนเขียนหนังสือสัญญาเงินกู้ให้ หากมีชาวบ้านคนไหนมาขอกู้ยืมเงิน และเมื่อปี 2550 ตนก็มีปัญหาจำเป็นต้องใช้จ่ายเงิน จึงได้มาขอยืมจากเจ้าอาวาสเช่นกัน และเพื่อความสบายใจตนเองก็ทำสัญญาเงินกู้ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อพร้อมมีเงินแล้วก็นำมาจ่ายเงินให้กับเจ้าอาวาสครบทั้งหมดแล้ว โดยตอนที่มาจ่ายคืนก็ได้จ่ายดอกเบี้ยให้กับเจ้าอาวาสด้วย จึงยืนยันได้ว่าเจ้าอาวาสมีการปล่อยเงินกู้ จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวด้วย หากเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมไม่ถูกต้องเหมาะสมจริง ก็ควรตักมีการลงโทษ