สำหรับพาหะแพร่เชื้อโรคไข้ปวดหัวหอยหรือพยาธิปอดหนูหรือพยาธิหอยโข่งในธรรมชาติ ได้แก่ หอยต่างๆ เช่น หอยบก หอยน้ำจืด (หอยโข่ง หอยเชอรี่ หอยขม) และทาก เป็นต้น เมื่อคนกินหอยดิบ ก็สามารถมีตัวอ่อนระยะติดต่อได้ รวมถึงในผักและพืชผักต่างๆ ที่หอยทากคลานผ่านก็มีโอกาสปนเปื้อนตัวอ่อนและเป็นแหล่งแพร่โรคได้เช่นกัน ทั้งนี้ โรคไข้ปวดหัวหอยหรือพยาธิปอดหนูหรือพยาธิหอยโข่ง ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน คนติดโรคพยาธินี้ได้โดยรับตัวอ่อนระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะติดต่อ จากการกินหอยดิบ ในประเทศไทยส่วนมากเกิดจากการกินหอยโข่งดิบ หอยเชอรี่ดิบ และหอยทาก โดยนำเนื้อหอยเหล่านี้ไปปรุงเป็นลาบดิบ หรือปนเปื้อนในดินติดไปกับผัก เช่น ผักกาดสด คนกินกับอาหารประเภทยำ ลาบ เป็นต้น
เนื่องจากพยาธิปอดหนู เป็นพยาธิของหนู คนติดโรคโดยบังเอิญ จากการกินตัวอ่อนพยาธิชนิดนี้เข้าไป และไม่สามารถเจริญเติบโตจนครบวงจรเป็นตัวเต็มวัยในร่างกายมนุษย์ได้ แต่ตัวอ่อนพยาธิจะไปอาศัยอยู่ในระบบประสาทส่วนกลางของผู้ติดโรค ทำให้เกิดการอักเสบในเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งผู้ป่วยที่ติดโรคจะปวดหัวอย่างรุนแรง เป็นไข้ อาเจียน คอแข็ง ตาพร่ามัว ท้องเสีย และปวดกล้ามเนื้อ แต่ถ้ามีการติดโรคอย่างรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้
"กรมควบคุมโรค ขอแนะนำประชาชนให้ระมัดระวังการรับประทานอาหาร เน้นรับประทานแบบ "สุก ร้อน สะอาด" โดยหลีกเลี่ยงการกินหอยที่ปรุงไม่สุกด้วยความร้อน รวมถึงล้างทำความสะอาดผักในบริเวณที่มีหอยทากคลานผ่านก่อนรับประทาน หรือรับประทานเฉพาะผักที่ลวกหรือต้มสุกแล้วเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่ไม่สะอาดและไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะในแหล่งที่มีหอยและหนอนตัวแบนนิวกินีอาศัยอยู่"นพ.อัษฎางค์กล่าว