แต่ถ้ามีใครจะทักท้วงผมว่า มันเป็นตัวเลขที่สูงเกินไปหรือไม่ ....คนเขียนเวอร์ไปไหม ผมให้คำแนะนำว่า เข้าไปที่กูเกิล และค้นหาที่คำว่า "ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก2018" ก็จะเข้าใจได้ว่าที่มาที่ไปเรื่องนี้เป็นอย่างไร
ต้องปูพื้นฐานก่อนครับ ว่าเจ้าภาพเรื่องฟุตบอลโลกว่า ด้วยการเจรจาสิทธิ์เพื่อให้ได้สัญญาณการถ่ายทอดสด เจ้าภาพหลักของเรื่องนี้ มาจากทางฝั่งของ การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยผู้ว่าการ กกท. คุณสกล วรรณพงษ์
เดิมฟุตบอลโลก 2014 ครั้งนั้นภาคเอกชนคือ อาร์เอส โปรโมชั่น เป็นผู้ได้รับสิทธิในการแพร่ภาพ แต่ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เงียบเหงามากครับ ไม่มีความเคลื่อนไหวจากวงการทีวีที่จะไปเจรจาซื้อสิทธิในการถ่ายทอดสด
ด้วยเหตุที่ว่าเป็นการลงทุนที่สูงมาก อีกทั้งบรรยากาศทางเศรษฐกิจ ไม่แจ่มใสเท่าที่ควร จึงเป็นไปได้ยากที่จะใครกล้าเสี่ยงกกท. ที่มีสถานีโทรทัศน์ อย่าง "ทีสปอร์ต" ช่องกีฬาอยู่ในความดูแล จึงเข้ามาเทคแอคชั่นกับเรื่องนี้เสียเอง กระทั่งไปได้ข้อสรุป ว่า กกท. จะเสนอเรื่องไปยังโทรทัศนรวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือ ทีวีพูล เพื่อขอให้เป็นผู้เข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้ กับการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ ที่คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ที่นี่ก็ต้องมาลุ้นกันครับว่าทีวีพูลจะมองเรื่องนี้อย่างไร งบ 1,000 ล้านบาทที่จะต้องจ่ายออกไป เพื่อความสุขของคอฟุตบอลคุ้มกันหรือไม่กับการที่ภาครัฐจะลงทุน
ผมให้ข้อมูลแบบนี้ครับ การที่ กกท. แสดงความกระตือรือล้น ที่จะฝ่าทางออกแทนทีวีทุกช่องกับเรื่องถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก เพราะด้วยประสบการณ์กับการเจรจา เพื่อให้ประเทศไทยได้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพกีฬาที่สำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี หรือการแข่งขันเครื่องบินสูตรหนึ่ง หรือ แอร์เรซวัน การเจรจาโดยรัฐน่าจะทำได้ง่ายกว่ากับการต่อรอง เพราะความน่าเชื่อถือต่างจากเอกชนที่หากไปเจรจาเอง ปัญหาเฉพาะหน้าก็คือในเชิงธุรกิจไม่ง่ายกับการจบ "ราคา"
นี่จึงเป็นที่มาที่ไปของกกท. ที่มารับหน้าเสื่อกับการตั้งเรื่องเพื่อเสนอไปยังทีวีพูลให้มาเป็นแกนหลักและให้ทีวีพูล ไปเจรจาซื้อสิทธิ์ขั้นตอนจากนี้ไป ก็จะเป็นกระบวนการพิจารณาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนกับการแบกรับภาระลงทุน การหาสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน เพื่อลดการลงทุน 1,000 ล้านบาทที่ทีวีพูล จะต้องจ่ายออกไป
ส่วนจะคุ้มหรือไม่คุ้ม ผมไม่ขอออกความเห็นครับ ขอทำหน้าที่รอลุ้นผลเพียงอย่างเดียวครับ