1. พิจารณาว่าร่างแผนดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับแผนในระดับชาติ ระดับกระทรวง สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน ไปจนถึงแนวโน้มสภาวการณ์ในอนาคตของประเทศไทยหรือไม่ 2. พิจารณาว่าร่างแผนดังกล่าว มีความสมบูรณ์ครบถ้วนตามภาระงานของหน่วยงานและภาระงานในหน่วยงานของแต่ละกลุ่ม/ศูนย์หรือไม่ 3. พิจารณาว่าร่างแผนดังกล่าวมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ รวมไปถึงจะทำให้มองเห็นหนทางการพัฒนาการศึกษาที่มีความชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นายกฤตชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเนื้อหาและประเด็นต่างๆ ของร่างแผนฉบับนี้ เราได้หยิบยกสภาวการณ์ทางสังคมที่สำคัญขึ้นมาเป็นองค์ประกอบสำหรับพิจารณา ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี การเมือง และ ในด้านประชากร ตลอดจนสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาทิ อัตราการไม่รู้หนังสือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับการศึกษาของประชากรวัยแรงงาน โดยเฉพาะสถานการณ์ประชากรที่เป็นวัยสูงอายุเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สภาพสังคมไทยปัจจุบันก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องปรับตัว และต้องมีการยกระดับการศึกษารวมถึงพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยให้มีความสอดคล้องตามไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการของทางภาครัฐได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้ยังมีความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาให้พบเห็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่ง กศน. ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีความพยายามที่จะดำเนินงานเพื่อเป็นการขยายโอกาสให้แก่กลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ กศน. จะต้องแก้ไขและพัฒนาอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตามร่างแผนฉบับล่าสุดนี้ ยังต้องรอผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการส่งเสริม สนับสนุนและประสานความร่วมมือ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (บอร์ด กศน.) เป็นลำดับต่อไป ซึ่งตนมั่นใจว่าร่างแผนฉบับดังกล่าวหากสำเร็จเป็นรูปธรรมจะสามารถช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาได้อย่างตรงจุด รวมถึงเพิ่มพื้นที่ทางการศึกษาให้แก่ผู้พลาดและผู้ด้อยโอกาสในสังคมไทยอย่างมีคุณภาพต่อไป