svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"เเพะฉกเพชร" ก้มกราบเท้าเเม่หลังพ้นโทษ เรื่องฟ้องกลับ ขอปรึกษาทนายก่อน

26 กันยายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เเพะฉกเพชร"ก้มกราบเท้าเเม่หลังพ้นโทษเผยน้ำเสียงสั่นคลอ"ดีใจมากที่ได้ออกมายืนยันความบริสุทธิ์"ระบุเรื่องฟ้องกลับขอปรึกษาทนายก่อน

เมื่อเวลา17.00น.วันที่ 26กันยายน ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี แขวงและเขตบางบอนมีพ.ต.อ. ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะทีมงานท่ามกลางแม่ ภรรยา ญาติ และผู้สื่อข่าวที่ต่างมาเฝ้ารอติดตามความเคลื่อนไหว มาเฝ้ารอการปล่อยตัวหลังจากศาลมีคำสั่งยกฟ้องคดีวิ่งราวทรัพย์ที่เป็นเพชรมูลค่า15ล้านบาท
ต่อมานายพิสิษฐ์ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษธนบุรี ทันทีที่นายพิสิษฐ์ออกจากเรือนจำ ได้ก้มลงกราบเท้าผู้เป็นแม่ทันที ขณะที่แม่นำน้ำมนต์มาพรมทั่วตัวนายพิสิษฐ์เพื่อปัดสิ่งชั่วร้ายเพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม
นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ ที่สุดท้ายแล้วพิสูจน์ว่าตนไม่ได้เป็นคนทำผิดขณะที่อยู่ในเรือนจำนั้นได้รับความดูแลอย่างดี ตนสบายกายแต่ไม่สบายใจทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ตนถูกล็อคตัวไปขณะที่กำลังเตรียมจะขายของ ที่จังหวัดนครพมโดยถูกพาไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง มีชายอ้างเป็นตำรวจ3 นายใช้เท้าเตะ และเอาผ้าขนหนูปิดหน้า พร้อมถามว่าเอาเพชรไปไว้ไหน ตนยืนยันว่าไม่รู้เรื่องและไม่ได้เอาไป เตะให้ตายตนก็ไม่รู้เรื่อง ยิ่งทำให้ถูกทำร้ายจนยื่นขอเสนอขอวีดีโอคอลกับผู้เสียหาย เพื่อให้เห็นหน้าตา ว่าตนไม่ได้ทำ แต่ผู้เสียหายกลับพูดเพียงว่า เอาเพชรไปไว้ไหนเท่านั้นนายพิสิษฐ์กล่าวอีกว่าทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าทำไมตำรวจจึงเข้าใจว่าตนเป็นคนทำ เพราะยืนยันว่าตนไม่ได้เข้ากรุงเทพมา3ปีแล้ว ตลอดระยะเวลานั้น อยู่ที่จ.นครพนมกับครอบครัวตลอด แต่สงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะตนเคยใช้บัตรประชาชนไปซื้อและจำนำจักรยานยนต์ก่อนที่ตำรวจจะพบว่าบัตรประชาชนถูกนำไปเปิดซิมโทรศัพท์ติดต่อกับผู้เสียหาย อยากบอกตำรวจชุดนั้นว่า อยากให้จับคนร้ายตัวจริงให้ได้ และหลังจากออกจากเรือนจำคงกลับไปขายของเหมือนเดิม ตนอยากไปอยู่กับครอบครัว คิดถึงแม่ ลูก ภรรยามาก ส่วนเรื่องคดีหรือฟ้องกลับนั้น ตนไม่รู้กฎหมาย ขอปรึกษาผู้เกี่ยวข้องก่อน และขอบคุณกระทรวงยุติธรรม เรือนจำและหลายๆคนที่ช่วยเหลือตนมาตลอด
ขณะที่พ.ต.อ. ดุษฎี เผยว่า พูดแล้วอายมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเงินที่รัฐจะเยียวยา เพียงแสนกว่าบาท แต่ในการสู้คดีนั้นทางครอบครัวกู้หนี้มามาก ในกรณีของนายพิสิษฐ์โชคดีที่มีความรู้กลับไปทำมาหากินได้ ขณะที่บางกรณีต้องเสียเงินจำนวนมาก และเมื่อชนะคดีก็กลับไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพได้ เราจึงเล็งเรื่องสร้างอาชีพเป็นหลักด้านนายณัชพล สุพัฒนะ หรือมาร์ค พิทบูล ประธานชมรมมิตรภาพพิทบูล ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคเอกชน แสดงความคิดเห็นว่า ทางภาครัฐต้องหันมาให้ความสำคัญกรณีเหล่านี้มากขึ้น เพราะมีแพะไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย ซึ่งตนและเพื่อนไม่มีอำนาจทางคดี แต่มีอำนาจทางมวลชน ต้องช่วยกันเรื่องช่วยหนี้สินและ ธุรกิจที่ได้รับความเสียหาย โดยจะจัดหาทีมทนายช่วยหากนายพิสิษฐ์และครอบครัวต้องการฟ้องกลับตำรวจชุดจับกุม

logoline