หลังเกิดเหตุ เรือที่ยังเหลืออยู่อีก 1 ลำ รีบแล่นเข้าฝั่ง แล้วให้ผู้โดยสารขึ้นจากเรือ จากนั้นแล่นเรือเปล่ากลับไปช่วยคนที่ตกน้ำ และอีกประมาณ 30 นาทีหลังเกิดเหตุ หน่วยช่วยเหลือต่างๆ มาถึงและเข้าช่วยเหลือ ท่ามกลางบรรยากาศสับสนอลหม่านแต่ไม่สามารถช่วยชีวิตทุกคนได้ โดยจากจำนวนผู้โดยสารบนเรือลำที่ล่มกว่า 70 คน สามารถช่วยชีวิตขึ้นมาได้บางส่วน และ 39 คน ต้องเสียชีวิตจากการจมน้ำในอุบัติเหตุเรือล่มครั้งนี้
ส่วนสาเหตุที่เรือพลิกคว่ำ จากการสอบสวนได้ความว่า เรือลำดังกล่าวเดิมเป็นเรือเอี้ยมจุ้น ต่อมามีการดัดแปลงชั้น 2 เป็นดาดฟ้าของเรือเพื่อให้สามารถบรรทุกขนส่งผู้โดยสารได้ โดยโครงหลังคาชั้น 2 มีเสาเหล็ก 17 ต้น รับน้ำหนักไว้ และมีความสูงจากพื้นชั้นล่าง 2 เมตร 10 เซนติเมตร ซึ่งเป็นความสูงที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมเจ้าท่ากำหนดให้เป็นเรือรับจ้างขนส่งคนได้
ในวันเกิดเหตุ เมื่อเรือถอยหลังออกจากฝั่งโดยหันกราบเรือด้านซ้ายเข้าหาฝั่ง เพื่อหันหัวเรือมุ่งหน้าออกสู่กลางเขื่อน ผู้โดยสารกว่า 70 คน ที่อยู่ในเรือลำดังกล่าว เกิดเสียหลักเทกระจาดมากองอยู่บนดาดฟ้าด้านซ้าย และเมื่อน้ำหนักด้านซ้ายมากเกินขีดจำกัดที่เสาเหล็กจะรับน้ำหนักได้ ทำให้เสาเหล็ก 4 เสาหักทำให้เรือเสียสมดุลย์พลิกค่ำ อีกทั้งเรือลำดังกล่าวก็ไม่มีชูชีพช่วยชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางน้ำขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดำเนินคดีกับนายท้ายเรือและเจ้าของเรือ ในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษาให้จำคุกนายท้ายเรือ เป็นเวลา 7 ปี 6 เดือน คดีจบแค่ศาลชั้นต้น เนื่องจากนายท้ายเรือไม่ได้อุทธรณ์สู้คดี ส่วนเจ้าของเรือ มี 3 คน สู้คดีจนถึงศาลฎีกา แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก 6 ปี และ 8 ปี