ทั้งนี้ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ประกาศใช้เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2560 ขณะนี้สมาชิกฯ ได้มีการปรับตัวเพื่อให้ดำเนินการสอดคล้องกับกฎหมายใหม่ มีระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับอาหารทารกและเด็กเล็กต่างๆ โดยที่ผ่านมาสมาชิกฯ ได้ดำเนินธุรกิจตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)บังคับอยู่แล้ว อีกทั้ง นมผงสำหรับทารกสูตร 1 และสูตร 2 เป็นอาหารทารกที่ถูกควบคุมโดยกฎหมายอาหาร พ.ศ.2522 ซึ่งผู้ผลิตไม่สามารถทำสื่อสารการตลาดได้อยู่แล้ว และมีการกำกับดูแลกันเองในหมู่สมาชิกเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดระเบียบปฏิบัติ ทางสมาคมได้จัดทำ PNMS Code of Marketing of Breast-milk Substitutes เริ่มต้นใช้ในปี 2559 ระเบียบปฏิบัติด้านการตลาดอาหารทดแทนนมแม่สำหรับแม่และเด็กที่มีความจำเป็นต้องใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ (แรกเกิดถึง 1 ปี ) มีการปรับปรุงให้ระเบียบปฏิบัติมีความทันสมัยในปี 2560 และปรับปรุงครั้งล่าสุดในปี 2559 โดยได้จัดอบรมผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อทำความเข้าใจตรงกันในทางปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมการตลาดอย่างถูกต้องและมีบทลงโทษกรณีสมาชิกละเมิดระเบียบปฏิบัติ
พญ.กิติมา กล่าวต่อไปว่า การที่กระทรวงสาธารณสุขออกกฎหมายใหม่ฉบับนี้เพื่อควบคุมเรื่องการโฆษณาและการส่งเสริมการตลาดของนมผงและอาหารเสริมสำหรับทารก (นมสูตร1 -2 ) ซึ่งสอดคล้องกับ PNMA CODE ที่ทำกันมานานแล้ว และระหว่างรอความชัดเจนในหลักเกณฑ์และข้อปฏิบัติต่างๆ ภายใต้พ.ร.บ.นั้นสมาคมฯ ได้ประสานสมาชิกและมีข้อตกลงในเบื้องต้นเพื่อเป็นแนวทางร่วมกันสำหรับการปฏิบัติที่สอดคล้องเป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากล โดยจะมีมีแนวปฏิบัติดังนี้ 1. การส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็ก 1 ปีขึ้นไป หรือนมผงสูตร 3 จะกระทำต่อไปในลักษณะที่ไม่ทำให้เข้าใจว่าเป็นอาคารทารก นั่นคือ ทางสมาชิกฯ จะทำการตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ ให้มีตัวอักษรชัดเจน เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดว่าเป็นนมสำหรับทารก ซึ่งตอนนี้ถึงจะมีการดำเนินการดังกล่าวอยู่แต่จะทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2.การวางแผนจัดการเรื่องฉลาก เนื่องจากกฎหมายระบุให้ผู้ผลิตต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนฉลากให้แตกต่างจากอาหารอื่นๆ ภายใน 1 ปี นับจากประกาศใช้กฎหมาย ซึ่งในขั้นตอนการปฏิบัติ ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีได้ เนื่องจากขั้นตอนและระยะเวลาในการเปลี่ยนฉลากอาหารสำหรับทารกตามมาตรฐานสากลการผลิตสินค้า เพื่อให้ได้ฉลากสินค้าใหม่ ประมาณ 17 เดือน ทางสมาคมฯ จึงได้ไปหารือกับ อย.เพื่อหาแนวทางในการดำเนินการเรื่องนี้ โดยสมาชิกของสมาคมฯ พร้อมจะปรับแก้แต่เรื่องระยะเวลาต้องเจอกันคนละครึ่งทาง และต้องขอความร่วมมือไปยัง อย. เพื่อลดระยะเวลาด้วย เนื่องจากหนึ่งในขั้นตอนของการเปลี่ยนฉลาก ต้องยื่นขออนุญาตจาก อย. รอการอนุมัติด้วย
"กฎหมายใหม่ ได้สร้างผลกระทบแก่การดำเนินการธุรกิจอาหารสำหรับอาหารสำหรับทารก อาหารสำหรับเด็กเล็กและอาหารเสริมสำหรับทารก เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าอาหารสำหรับเด็กเล็กและอาหารเสริมสำหรับทารก อีกทั้งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ตามนิยาม (ข้อมูลจากรมอนามัย) ในส่วนของอาคารเด็กเล็กต้องเป็นไปตามประกาศรัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคณะกรรมการ นอกจากนั้นอาคารเสริมสำหรับทารก มีบางผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับเด็กที่อายุเกิน 1 ปี ขึ้นไปจึงไม่ควรใช้เป็นตัวอย่างอาหารเสริมสำหรับทารก รวมถึงฉลากใช้คำว่าเชื่อมโยง ซึ่งยังไม่ชัดเจน ดังนั้น อยากขอการมีส่วนร่วม ในการจัดทำกฎหมายรอง โดยสมาคมฯ เสนอให้มีตัวแทนภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดและจัดนำนโยบายยุทธศาสตร์ และมาตรการในการควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารก อาหารสำหรับเด็กเล็กและอาหารเสริมสำหรับทารก ควรเปิดโอกาสให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และภาคประชาสังคม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม"พญ.กิติมา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการโฆษณา หรือส่งเสริมการขาย การทำธุรกิจของสมาชิกทุกบริษัทเป็นการทำกิจการค้าภายใต้กฎหมายและพร้อมปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆที่ตกลงร่วมกันอย่างเคร่งครัด ดังนั้น การโฆษณาเกินจริง การลดแลกแจกแถม จะไม่ดำเนินการอย่างแน่นอน รวมถึงการนำไปให้แพทย์ หรือโรงพยาบาลต่างๆ ทางสมาชิกฯ พร้อมปฏิบัติตามข้อห้ามต่างๆ ตามที่ พ.ร.บ.กำหนด