และแม้ว่าไม่มีผู้ฟ้องก็อาจจะต้องมีการไปตรวจปัญหาทางด้านสุขภาพจิตของนักศึกษาแพทย์รายนี้ หากมีปัญหาทางสุขภาพจิตก็จะไม่สามารถเป็นแพทย์ได้เช่นกัน เนื่องจากหากปล่อยให้คนมีปัญหาทางสุขภาพจิตไปดูแลคนไข้ ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อคนไข้ได้ อีกทั้งหากมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตก็ไม่ควรให้เรียนแพทย์ เพราะต้องเผชิญกับภาวะเครียด และต้องดูแลชีวิตของคนจะยิ่งอันตราย ดังนั้น หากมีปัญหาทางสุขภาพจิต ก็ควรให้ไปทำในส่วนอื่นดีกว่า เช่น ในห้องปฏิบัติการที่ไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับใคร เป็นต้น แต่ก็จะมีการให้ใบประกาศนียบัตร เพียงแต่จะให้ไปทำงานในสาขาวิชาชีพอื่นที่ไม่เกี่ยวกับแพทย์แทน ซึ่งจะมีผลดีกับนักศึกษาแพทย์เองด้วย
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวิีกว่า แพทยสภามีกฎเกณฑ์ข้อบังคับอยู่แล้วว่าการที่จะมาเป็นสมาชิกแพทยสภาได้ จะต้องไม่เคยถูกโทษอาญาที่ผิดทางด้านจริยธรรม และต้องไม่มีปัญหาทางสุขภาพจิต โดยในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมาทางแพทยสภาก็ได้มีการออกระเบียบข้อบังคับว่าต้องทำการตรวจปัญหาทางสุขภาพจิตของแพทย์ทุกคน นอกจากนี้ในปัจจุบันหากจะมาเป็นแพทย์ทางคณะจะต้องมีการรับรองว่าแพทย์คนดังกล่าวมีพฤติกรรมที่ดี ถ้ามีพฤติกรรมไม่ดีก็ไม่ควรปล่อยให้มาเป็นแพทย์ และตนอยากให้ใช้กรณีนี้เป็นตัวอย่าง ว่าต่อไปนักศึกษาแพทย์ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี
"โทษทางอาญาหากขับรถชนคนโดยไม่เจตนาก็อาจจะไม่เป็นอะไร แต่หากผิดจริยธรรมในวิชาชีพ มีจิตใจที่ตั้งใจจะทำผิดจริยธรรม ก็ไม่เหมาะที่จะมาเป็นแพทย์ เพราะขนาดเป็นนักเรียนแพทย์ยังมีพฤติกรรมขี้โกงหรือคิดไม่ดี โตขึ้นก็จะแก้ยาก จึงต้องทำการป้องปรามเอาไว้ก่อน หากปล่อยไปก็จะอันตราย เนื่องจากหากเป็นหมอแล้วอาจจะคิดวางแผนทำร้ายคนไข้ยิ่งอันตรายมาก สังคมก็คงไม่ยอมให้นักศึกษาที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้มาเป็นแพทย์ และในส่วนของแพทยสภาเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้มาก ถ้านักศึกษาแพทย์รายดังกล่าวมีการกระทำผิดจริง ทางสถานศึกษาก็ควรต้องป้องปรามและลงโทษนักศึกษาแพทย์รายนี้ด้วย และหากมีความผิดทางอาญาจริง จากสาเหตุการวางแผนฆ่าสุนัขเพื่อหวังทรัพย์ ก็ยิ่งไม่สามารถมาเป็นแพทย์ได้" ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าว