"มาร์ค" อัด" แม้ว" ถามหาความเป็นธรรมเฉพาะคดีที่แพ้

31 ส.ค. 60 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการ 101 องศาข่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยกคำพูดของมองเตสกิเออร์ ว่า การอ้างอิงคำพูดดังกล่าวจะเป็นจริงต่อเมื่อมีคนอาศัยคราบของกระบวนการยุติธรรม หรือการใช้กฎหมายนี้แต่ไม่มีความเที่ยงตรง เที่ยงธรรม ว่า คำถามคือทำไมนายทักษิณถึงตั้งคำถามนี้กับกระบวนการยุติธรรมเวลาที่ตัวเองไม่ชนะคดี ทำไมตอนตัดสินคดีพันธมิตรไม่อ้างอิงคำพูดมองเตสกิเออร์ เพราะฉะนั้นคำพูดจะอ้างอิงมาอย่างไรนั้นก็คงต้องดู ในขณะเดียวกันเผด็จการในคราบประชาธิปไตย บางทีก็รุนแรงกว่าเผด็จการที่เปิดตัว ดังนั้นต้องดูพฤติกรรมว่าเป็นอย่างไร แล้วก็ตกลงคำนี้จะใช้กับสถานการณ์อะไร

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า ถ้าเขามีความชัดเจนว่ากระบวนการยุติธรรม หรือการใช้กฎหมายนี้มันมีการบิดเบือน ตรงไหนอย่างไร แล้วแสดงให้เห็น ตนว่าจะทำให้คำพูดนี้มันฟังได้ไง เช่น ถ้าเกิดว่ามีใครไปทิ้งถุงขนม แล้วศาลรับถุงขนม แล้วตัดสินตามที่ขอ ถ้าอย่างนี้ผมว่าใช่เลย แต่นี่เราก็ยังไม่เห็นมีอะไร อยู่ดี ๆ ก็หยิบตรงนี้ขึ้นมา ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าเราจะวิจารณ์แต่ละคดีนั้น ถามว่าผมเห็นด้วยกับทุกคดีที่ตัดสินไหม ผมก็ไม่ได้เห็นด้วย บางคดีผมก็แพ้ ฝ่ายผมก็แพ้ ผมก็ไม่ได้เห็นด้วย แต่ว่าถ้าเราเลือกแต่จะบอกว่าเมื่อไหร่ที่เราแพ้แปลว่ามันสองมาตรฐาน แปลว่าบิดเบือนก็เกินไป ยกเว้นอย่างที่ตนบอกคุณมีหลักฐานไหมว่าผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมนี้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่ชอบอย่างไร

ยกเคสคดี"บุญทรง"คนสั่งไม่มาช่วยหลังถูกจำคุก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีหาผู้รับผิดชอบฐานปล่อยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหนี ว่า คงต้องหาข้อเท็จจริงก่อนว่าหนีไปได้อย่างไรและเมื่อชัดเจนแล้วก็ต้องไปดูว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพราะการช่วยเหลือหลบหนีเป็นความผิด ส่วนคดีระบายข้าวในโครงการจำนำข้าวแบบจีทูจี ที่ศาลตัดสินนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่คิดว่าอยากจะให้เป็นบทเรียน คือ หลายคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องในคดีเป็นบุคคลที่อาจจะไม่ใช่ตัวการหลัก ซึ่งก็มีคำพูดอะไรต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นออกมาแล้วว่า ไม่ใช่ตัวการหลัก แต่สุดท้ายใครดำรงตำแหน่งก็ต้องรับผิดชอบตามนั้น โดยเฉพาะข้าราชการหากมีใครสั่งมันผิดกฎหมาย ครั้นถึงวันที่จะต้องรับผิดชอบอำนาจหน้าที่ตัวเอง ด้านคนที่สั่งเขาก็จะไม่มาช่วย เราเคยเห็นแบบนี้มาหลายครั้ง แต่รู้สึกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นชัดมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า อนาคตของพรรคเพื่อไทยประชาธิปัตย์มองอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเพิ่งออกแถลงการณ์ แสดงให้เห็นว่ายังมีความตั้งใจที่จะเคลื่อนไหวต่อสู้ในสนามการเมืองในนามของพรรคการเมืองต่อไป แต่ตนคิดว่า 1.ยังไม่สามารถสรุปได้ว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว จะหยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือใช้กลไกของพรรคการเมืองในการเคลื่อนไหว 2.ฐานการสนับสนุนของพรรคเพื่อไทยยังมีอยู่ และเหนียวแน่นพอสมควร สิ่งหนึ่งซึ่งเราต้องเข้าใจด้วย คือ ในมุมมองของตนหรือว่าสังคมอีกจำนวนมากที่มองเห็นสิ่งที่ไม่ดี คือปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่นและน่าสนใจ พรรคเพื่อไทยไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า มีประชาชนจำนวนมากที่พึงพอใจกับการทำงานของไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทยที่ผ่านมา

"อยากให้พรรคเพื่อไทยสามารถที่จะก้าวข้ามผลประโยชน์ของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง เก็บเกี่ยวบทเรียนจากปัญหาการใช้อำนาจที่ไม่ชอบ แต่เอาความนิยมเกี่ยวกับเรื่องของการทำงานที่ถูกใจประชาชน มาเป็นจุดหลักในการที่จะทำงานทางการเมืองของเขาต่อไป ผมจะขอบใจ เพราะว่าจะทำให้การเมืองต่อสู้กันในสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ว่าแน่นอนผมจะต้องเหนื่อยมากขึ้น แต่อยากให้เขาทำอย่างนั้น เพราะว่าผมไม่เหมือนคุณทักษิณที่มีวิสัยทัศน์บอกว่าประเทศใดประเทศหนึ่งมีพรรคการเมืองเดียวก็พอ แต่สำหรับผมพูดตลอดว่า ถึงแม้ผมเชื่อในแนวทางประชาธิปัตย์ อยากให้มีการแข่งขัน แล้วแพ้ชนะ ก็เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย แต่ว่าใครที่คิดว่าต้องอยู่พรรคเดียว แล้วก็กำจัดคนอื่นออกไปให้หมด ผมว่าไม่ใช่นักประชาธิปไตย แล้วก็ไม่เป็นผลดีกับการเมือง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ต่อข้อถามที่ว่าคดีความต่าง ๆ รวมไปถึงการหลบหนีคดี จะมีผลต่อความนิยมของพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระทบไม่มากอย่างที่หลายคนคิด เพราะเขามีกลุ่มผู้สนับสนุนที่ค่อนข้างเหนียวแน่นยืนยันในความเชื่อ และมีความชอบของตัวเอง อีกทั้งปัจจุบันไม่มีการดำเนินงานทางการเมืองที่เปิดโอกาสให้ถกเถียงอย่างกว้างขวาง