ศาลฎีกา พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ต้องให้ ปปช.ไต่สวน และยื่นฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาขอวผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่ดีเอสไอ ทำสำนวนส่งอัยการฟ้องศาลอาญา เพราะเป็นคดีจากการปฏิบัติหน้าที่ ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ว่าด้วย ปปช.ปี 2542 // ซึ่งเมื่อศาลฎีกา มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว คดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลแล้ว คดีจึงถึงที่สุด
รองนายกฯ สุเทพ บอกว่า คดีนี้เกิดขึ้นสมัยที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งฟ้องคดี เพราะเห็นว่ามีการใช้อาวุธสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงดำเนินคดีกับคุณอภิสิทธิ์ด้วย เพราะในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ผู้อำนวยศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน ในการตัดสินใจสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม และการแก้ไขปัญหาก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนกรณีแกนนำ นปช. ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ได้ยื่นคำร้องถึง ป.ป.ช. ให้นำคดีนี้พิจารณาขึ้นมาใหม่ หลังจากคณะกรรมการได้ตีตกไป คุณสุเทพ บอกว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร และได้อโหสิกรรมไปแล้ว
สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ได้มีคำสั่งยกฟ้องไม่รับสำนวนไว้พิจารณา เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157