svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ยิ่งลักษณ์" หนีหาย...ทำไม คสช.เพลี่ยงพล้ำ?

30 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นี่คือข้อมูลลึกๆ ที่ "ล่าความจริง" ไปรวบรวมมาเสนอกับท่านผู้ชม แต่ยังไม่จบแค่นั้นค่ะ ยังมีบทวิเคราะห์จากข้อมูลที่เรารายงานไปทั้งหมดด้วย

ฝ่ายความมั่นคงวิเคราะห์ว่า จากลักษณะการเดินทางมาพบปะกัน และใช้รถยนต์ชุดเดียวกัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนใกล้ชิดคุณยิ่งลักษณ์ทั้ง 11 คน ทำให้สันนิษฐานได้ว่าการพบปะกับคุณยิ่งลักษณ์ที่โรงแรม เอส.ซี.ปาร์ค ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือนัดเลี้ยงอำลา แต่เป็นการเรียกมาเพื่อหารืออะไรกันบ้างอย่าง โดยกำหนดตัวผู้ที่จะเข้าพบหารืออย่างชัดเจน และแต่ละคนก็มีภารกิจที่ต้องทำแตกต่างกันไป
เช่น นายพิชิต ชื่นบาน น่าจะมีบทบาทแนะนำเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ และแนวโน้มของคดี ตลอดจน "ฉากทัศน์" หรือ "ซีนาริโอ" ที่จะเกิดขึ้นหากคุณยิ่งลักษณ์ไม่เดินทางไปฟังคำพิพากษา

"ล่าความจริง" ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์คุณพิชิตทางโทรศัพท์ แม้เจ้าตัวจะรับสาย แต่ก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยบอกเพียงว่า "ไม่สะดวก" จากนั้นก็วางสายไปทันที
ขณะที่ โรงแรม เอส.ซี.ปาร์ค เป็นโรงแรมของคนในตระกูลชินวัตร เคยถูกใช้เป็น "วอร์รูม" ของพรรคการเมืองฝ่ายทักษิณ ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย บางคราวก็ใช้เป็นสถานที่จัดปาร์ตี้ขอบคุณสื่อมวลชน และยังเคยเป็นที่พักของบรรดาแกนนำเสื้อแดงช่วงชุมนุมทางการเมือง หลายคนคงยังจำกันได้ว่า "พี่กี้ร์" อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ก็เคยโรยตัวจากห้องพักของโรงแรมแห่งนี้ลงมาด้านล่าง เพื่อหนีตำรวจมาแล้ว
คำถามก็คือ จุดหมายต่อจากโรงแรมเอส.ซี.ปาร์ค คุณยิ่งลักษณ์ไปไหนต่อ "ล่าความจริง" ได้ข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงว่า มีความเป็นไปได้ที่คุณยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปขึ้นเครื่องบินเล็ก หรือเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว โดยใช้สนามบินเล็ก หรือลานจอด ฮ.ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นกิจการของตระกูลชินวัตรเช่นกัน เป็นจุดขึ้นเครื่องและเดินทาง เพราะการนำเครื่องบินเล็ก หรือ ฮ.ขึ้นบิน ไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากนัก เพราะส่วนใหญ่คนที่ครอบครองเครื่องบินเล็ก มักเป็นผู้มีฐานะร่ำรวย ซึ่งมีอภิสิทธิ์ในสังคมอยู่แล้ว
ล่าสุดมีข้อมูลใหม่อีกชุดหนึ่งเข้ามาว่า หลังจากคุณยิ่งลักษณ์ออกจากโรงแรมเอส.ซี.ปาร์ค ได้กลับบ้านที่ซอยโยธินพัฒนา 3 เพื่อเก็บของ เปลี่ยนรถ และเดินทางออกจากบ้านในช่วงค่ำ มุ่งหน้าข้ามพรมแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน และต่อเครื่องบินเล็กไปสิงคโปร์
โดยบุคคล 2 คนสุดท้ายที่อยู่กับคุณยิ่งลักษณ์ ก็คือ พันตำรวจเอก วทัญญู หรือ สารวัตรหนุ่ย ตำรวจติดตามคู่ใจ กับ แซน ชยิกา หลานสาวที่ช่วยงานการเมืองมาตลอด รวมทั้งดูแลเฟซบุ๊คของคุณยิ่งลักษณ์ด้วย

ฉะนั้นปริศนาที่ว่าคุณยิ่งลักษณ์ไปไหนต่อ และเดินทางออกจากประเทศไทยด้วยวิธีใด สองคนนี้น่าจะรู้คำตอบมากที่สุด

เช่นเดียวกับคนใกล้ชิดอีก 11 คน ที่มาพบกันเป็นหมู่คณะ และรับบรีฟให้ไปจัดการเรื่องต่างๆ แทนอดีตนายกฯหญิง
คำถามคือ ตำรวจจะเรียกบุคคลเหล่านี้มาให้ถ้อยคำได้หรือไม่ และใช้อำนาจอะไร เพราะต้องไม่ลืมว่าการหลบหนีของคุณยิ่งลักษณ์ ช่วงวันที่ 23 สิงหาคม เธอยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ แม้จะเป็นจำเลยในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ตาม แต่ก็ไปปรากฏตัวที่ศาลทุกนัด การพบปะกับใครในช่วงเวลานั้น ย่อมไม่มีความผิดตามกฎหมาย ทั้งฝ่ายคุณยิ่งลักษณ์และคนใกล้ชิด

กระทั่งขณะนี้ สถานะของคุณยิ่งลักษณ์ ก็คือผู้ต้องหาตามหมายจับให้มาฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว ยังไม่ใช่ผู้ต้องโทษหนีคดี / การประสานกับต่างประเทศเพื่อติดตามตัวย่อมเป็นเรื่องยาก

นี่คือกลยุทธ์เหนือเมฆที่ฝ่ายคุณทักษิณและผู้สนับสนุนช่วยกันวางเกมจนผู้มีอำนาจในบ้านเมืองและฝ่ายความมั่นคงตามไม่ทัน ซ้ำร้ายแม้คุณยิ่งลักษณ์จะเป็นฝ่ายหลบหนีคดี แต่หากดูกระแสสังคม เธอกลับไม่ถูกตำหนิวิจารณ์มากเท่า คสช.ที่ปล่อยให้เธอหลบหนีไป

logoline