ทรัพย์สิรี กล่าวว่า ดีใจมากที่สามารถคว้าเหรียญทองนี้มาได้สำเร็จ พยายามเล่นแบบไม่กดดันตัวเอง เล่นให้เต็มที่ ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา ก็จะทำให้ผลงานออกมาดีเอง ส่วนเหรียญนี้อยากมอบให้กับคนไทยทุกคน และขอบคุณพ่อ-แม่, เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี, สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ รวมไปถึงแฟนๆ ชาวไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจมาโดยตลอด
เดชาพล กล่าวว่า ตอนเกมที่สอง ซึ่งค่อนข้างสูสีแต้มต่อแต้มนั้น พยายามคุมสติตัวเองให้อยู่ และก็สามารถผ่านมาได้ เหรียญนี้อยากมอบให้กับคนไทยทุกคนเช่นกัน
จากนั้นทรัพย์สิรี ลงแข่งขันต่อในประเภทหญิงคู่ โดยจับคู่กับ "เอิร์ธ" พุธิตา สุภจิรกุล คู่มือ 10 ของโลก และเป็นมือวางอันดับ 1 ของรายการ เจอกับเพื่อนร่วมชาติอย่าง "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ คู่มือ 13 ของโลก โดยเกมแรกนั้นคู่ของ จงกลพรรณ กับรวินดา สามารถเก็บชัยชนะไปได้ก่อน 21-16 ทว่าในเกมที่สองนั้น ระหว่างที่คู่ทรัพย์สิรี-พุธิตา นำอยู่ 8-6 ทรัพย์สิรี ล้มผิดจังหวะ ทำให้เข่าบิด แม้ว่าจะฝืนขึ้นมาเล่นต่ออีกหนึ่งแต้ม แต่สุดท้ายไม่ไหวขอยอมแพ้ ทำให้คู่จงกลพรรณ กับ รวินดา คว้าเหรียญทองไปครอง กลายเป็นนักแบดมินตันหญิงคู่ของไทย ที่สามารถคว้าเหรียญทองได้ในรอบ 46 ปี ซึ่งคู่สุดท้ายที่ทำได้คือ ทองคำ กิ่งมณี และ อัจฉรา ปัตตพงศ์ เมื่อปีค.ศ. 1971
ประเภทชายคู่ เดชาพล จับคู่กับ "สกาย" กิตตินุพงษ์ เกตุเรน คู่มือ 4 ของรายการ พบกับ อ่อง เยว ซิน-โตว อี่ ยี่ คู่มือวาง 3 จากเจ้าภาพมาเลเซีย 21-19, 20-22, 21-17 คว้าเหรียญทองชายคู่เป็นหนแรกในรอบ 18 ปี ขณะที่เดชาพล เป็นนักแบดมินตันคนที่สองของไทยที่คว้าเหรียญทองทั้ง 2 ประเภทที่เข้าชิง ต่อจาก เพ็ญแข โพธิ์งาม ที่ทำได้เมื่อปี 1961
ปิดท้ายที่ชายเดี่ยว "เพชร" โฆษิต เพชรประดับ มือ 2 ของรายการ พ่ายให้กับ โจนาธาน คริสตี้ มือวาง 1 ของรายการจากอินโดนีเซีย 2 เกมรวด 19-21, 10-21 ได้เพียงเหรียญเงินเท่านั้น
สรุปผลงานนักแบดมินตันไทยในกีฬาซีเกมส์ คว้าไปได้ 4 ทอง 2 เงิน 4 ทองแดง นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทัพขนไก่ไทยคว้าได้ถึง 4 ทองในกีฬาซีเกมส์