โดย เจนรบ ได้ถูกวางตัวให้อยู่ในตำแหน่งหน้าเป้า เพื่อเดินเครื่องกับการทำประตูให้ทีมชาติ ส่วนผู้รักษาประตู เป็น นนท์ ม่วงงาม แผงหลัง รัตนากร ใหม่คามิ, ศฤงคาร พรหมสุภะ, วรวุฒิ นามเวช และสุริยา สิงห์มุ้ย แดนกลาง นพพล พลคำ กับ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล โดยวรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เป็นกลางรุก ริมเส้นด้านซ้าย ศศลักษณ์ ไหประโคน ริมเส้นด้านขวา พิชา อุทรา
หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย วรวุฒิ ศรีมะฆะ บอกว่า เกมชิงชนะเลิศ ที่จะต้องมาดวลกับเจ้าภาพ จะเป็นเกมที่สนุก และพร้อมที่จะรับมือกับบรรยากาศกดดัน ที่มาจากฝั่งกองเชียร์มาเลเซีย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เล่นคนที่ 12 ที่ทรงพลัง ในระดับอาเซียน ทั้งนี้่สิ่งที่นักฟุตบอลในทีมจะต้องเรียนรู้กับเกมนี้ ก็คือการ ผ่านแรงกดดันจากทางเจ้าภาพไปให้ได้ เพราะด้วยสนาม ชาห์อะลัมสเตเดียม ที่มีความจุที่แคบลง และถูกกำหนดให้เป็นสนามในชิดชนะเลิศ จากเดิมที่จะต้องเป็น บูกิตจาริล ที่เป็นสนามกีฬาแห่งชาติ ทำให้เกมนัดชิงชนะเลิศ กองเชียร์ของมาเลเซียจะเต็มสนามอย่างแน่นอน
ส่วนการย้ายสนาม จากเดิม บูกิต จาริล มาเป็น ชาห์อะลัม สเตเดียม จะไม่มีผลต่อไทย เพราะสนามนี้ไทย เคยผ่านการใช้งานมาแล้ว กับเกมในรอบแรก ที่พบกับอินโดนีเซีย และเสมอกันไปที่ 1 -1 เพียงแต่สิ่งที่เป็นความต่างก็คือ จำนวนกองเชียร์ของชาติเจ้าภาพ ด้านการเตรียมผู้เล่น เพื่อรับมือเกมนัดชิงชนะเลิศ หลังผ่านเกมวันเสาร์ ที่เอาชนะเมียนมา 1-0 ทางสตาฟฟ์โค้ช ได้เน้นเรื่องของการฟื้นฟูสภาพร่างกายผู้เล่น เพื่อให้กลับคืนสู่ความสมบูรณ์ ไม่ได้ลงเกม หนักจนเกินไป ////