ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 24 สิงหาคม ที่ สน.หลักสอง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท. เดินทางมาแถลงถึงความคืบหน้าคดีนี้อีกครั้ง หลังจากการสืบสวนขยายผลสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้เพิ่มอีก 2 ราย คือ นายพาทิศ ฮะกีมี อายุ 23 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และ นายปานเดชา หรือเอ็ม รชตะวาริกุล อายุ 31 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีเลขที่ 516/2560 และ 517/2560 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2560 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นั้นมีพฤติการณ์ร่วมกันกับ น.ส.ทัศนีย์ เจ้าของเต็นท์ดำเนินการฉ้อโกงเงินจากผู้เสียหายไปหลายราย ใช้กรรมวิธีหลอกลวงหลายรูปแบบ เบื้องต้นทางชุดจับกุมจึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน และแนบเรื่องขอคัดค้านการประกันตัวต่อศาล เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และมีผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้นอกจากจะจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เพิ่ม จำนวน 2 ราย แล้วยังมีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมอีก 4 ราย รวมแล้วขณะนี้มีผู้เสียหายทั้งสิ้น 17 ราย เท่าที่ทราบยังมีอีกหลายรายทยอยเดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัด เชื่อว่าท้ายที่สุดน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 50 ราย และเนื่องจากคดีนี้กำลังเป็นที่สนใจของประชาชน ประกอบกับได้รับการร้องทุกข์จากผู้ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงมอบหมายให้ตน และ ผบก.น.9 ดูแลสำนวนการสอบสวนให้รอบคอบรัดกุม เพราะความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนนี้ เป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวพันกับกฎหมายฟอกเงินและอาจนำไปสู่กระบวนการยึดทรัพย์ของผู้กระทำความผิด
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากในวันแรกที่ตรวจพบรถซึ่งมีอยู่ในเต็นท์แห่งนี้ทั้งสิ้น 83 คัน พบการกระทำความผิดเบื้องต้น จำนวน 24 คัน หลังจากนี้จะส่งรถทุกคันให้กองพิสูจน์หลักฐาน ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดูว่ารถทุกคันได้มาถูกต้องหรือไม่ มีคันใดสวมทะเบียน ตัดต่อตัวถังหรือถูกแจ้งหายไว้บ้างหรือเปล่า ที่สำคัญขณะนี้ชุดจับกุมได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมสังเกตการณ์และทำงานควบคู่กันไปด้วยแล้ว หากพบว่ามีการขยายผลไปถึงผู้กระทำความผิดรายใดอีก จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายไปด้วยอย่างแน่นอน
"จากข้อมูลการสืบสวนกระบวนการฉ้อโกงประชาชนของผู้ต้องหากลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มเงินกู้นอกระบบ รวมถึงบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจรับจำนำรถผิดกฎหมาย ที่อาศัยช่องทางโซเชียลมีเดียในการโพสต์ซื้อขายและรับจำนำรถ แต่เมื่อผู้เสียหายเดินทางไปดูรถกลับถูกหลอกให้วางเงินมัดจำ บางกรณีผู้เสียหายนำรถไปจำนำแล้วกลับถูกนำรถไปชำแหละแยกชิ้นส่วนขายทอดตลาดไม่สามารถนำรถตัวเองกลับคืนมาได้ เรื่องนี้ทางรัฐบาลกำลังให้ความสนใจเนื่องจากมีผู้เสียหายร้องทุกข์เข้ามาจำนวนมาก หลังจากนี้ตำรวจจึงจำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องของเต็นท์รถยนต์มือสองทั่วประเทศอย่างเข้มงวด และหากมีผู้ใดได้รับความเดือดร้อนจากกระบวนการเหล่านี้ขอให้รีบแจ้งสายด่วน 191" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว.