svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เส้นทางคดี "จำนำข้าว" ไม้ต่อบทเรียนถึงนโยบายการเมือง

22 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ยังคงเกาะติดคดีสำคัญ "รับจำนำข้าว" ที่กำลังจะมีคำตัดสินออกมาในวันศุกร์นี้ วันนี้เราจะไปย้อนดูเส้นทางก่อนถึงวันพิพากษา รวมถึง ผลพวงจากโครงการนี้ที่ทิ้งร่องรอยให้กับข้าวไทยซึ่งเชื่อได้ว่าจะเป็นบทเรียนสำคัญและบรรทัดฐานใหม่ให้กับรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศต่อๆไป โดยเฉพาะการออกนโยบายที่มุ่งไปที่การช่วยเหลือชาวนา ในรายงาน เส้นทาง คดี"จำนำข้าว"ไม้ต่อบทเรียนถึงนโยบายการเมือง

 
วันที่ 25 สิงหาคม นี้ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อฟังคำพิพากษา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นผลพวงมาจากนโยบาย "จำนำข้าวทุกเมล็ด 15,000 บาทต่อตัน"หลังพรรคเพื่อไทยก้าวเข้ามาเป็นรัฐบาลช่วงแรกโครงการนี้ทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากรับเงินจากการนำข้าวเข้าโครงการ / สวนทางกับข้าวที่ไหลเข้ามาสู่มือของรัฐบาลเกิดเป็นข้าวค้างสต๊อกเพิ่มขึ้น
ผ่านไปเพียง 1 ปีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจกล่าวหาโครงการมีการทุจริตทุกขั้นตอน จนนำมาสู่การชี้มูลความผิด จาก ป.ป.ช. พร้อมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลประทับรับฟ้องและเดินหน้าไต่สวนพยานทั้งฝ่ายโจทย์และจำเลยร่วมปี 2 ปี ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา "ศุกร์นี้"

การไต่สวนคดีอาญาเดินคู่ขนานมากับคดีแพ่ง คสช.ตั้ง จิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดสรุปตัวเลขความเสียหายราว 286,640 ล้านบาท ส่งต่อให้ประธานคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งของกระทรวงการคลัง ที่ มนัส แจ่มเวหา เป็นประธาน และออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหาย

 คณะกรรมการฯ ความรับผิดทางแพ่ง มีมติเป็นเอกฉันท์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ละเลยความเสียหายโครงการดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายจริง 2 โครงการ คือ โครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต2555/2556 และ ปีการผลิต 2556/2557 วงเงิน 1.78 แสนล้านบาท โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ 20% ของมูลค่าความเสียหาย ราว 3.5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือ ป.ป.ช. จะพิจารณาหาผู้ความกระทำความผิดมาชดใช้ต่อไป


นอกจาก ความเสียหายในเชิงนโยบาย โครงการรับจำนำข้าว ยังมีช่องของการทุจริตในทุกๆ ส่วนที่เกี่ยวข้อง ในทุกๆ ขั้นตอน ดูได้จากการส่งหนังสือท้วงติงโครงการ จาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ถึง 5 ฉบับ และ หนังสือจาก ป.ป.ช. แต่โครงการก็ยังเดินหน้าต่อเรื่อยมา

ช่องการทุจริตจากการรับจำนำเริ่มตั้งแต่ข้าวออกจากมือชาวนา เข้าสู่โรงสี ทั้ง โกงความชื้น ปลอมใบประทวน สวมสิทธิ์ข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านทุ่งนา
ความเสียหายที่เกิดกับ คุณภาพข้าวไทย กลายเป็นข้าวอายุสั้น ใช้เวลาปลูกสั้นไม่ถึง 100 วัน 1 ปีสามารถปลูกได้ 4 รอบ ซึ่งโครงการรับจำนำรับข้าวทุกเมล็ดทุกประเภทจึงเป็นที่นิยมปลูกของชาวนา
ไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวผลพวงจากการรับจำนำในราคาสูง 15,000 บาทต่อตัน ทำให้ ราคาข้าวส่งออกของไทยสูงกว่าราคาของประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นๆตั้งแต่ 100 200 เหรียญสหรัฐต่อตันในช่วงปี 2555 ตลาดโลกจึงหันไปซื้อข้าวจากเวียดนามและอินเดีย ตามข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยสะท้อนให้เห็นว่า ปี 2555 ไทยส่งออกข้าวลดลงถึง 35% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า เหลือเพียง 6.9 ล้านตันจาก 10.6 ล้านตัน เมื่อข้าวขายไม่ออกเพราะราคาแพงจึงเกิด สต๊อกข้าวนับสิบล้านตัน รอวันระบายในราคาที่ต่ำกว่าราคาจำนำเท่ากับ รัฐบาลขาดทุน รวมถึง ข้าวเน่า ข้าวเสื่อมที่ยังอยู่ตามโกดังทั่วประเทศ

นอกจากนี้ โครงการรับจำนำข้าวยังมีผลพวงให้เกิดคดีใหญ่อีก 1 คดีคือ การทุจริตจีทูจี หรือการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หลังพบว่าไม่มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ กับทางประเทศจีนจริงตามที่สัญญากล่าวอ้าง และไม่มีการส่งข้าวออกนอกราชอาณาจักรไทย แต่ข้าวกลับวนเวียนอยู่ในประเทศ ซึ่งจำเลยคือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีกำหนดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 สิงหาคมนี้ เช่นเดียวกัน

ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้อาจมีค่ามากกว่า 5 แสนล้านบาทตามตัวเลขทางบัญชี และในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ คำตัดสินของศาลจะเป็นบทเรียนและบรรทัดฐานสำคัญของนโยบายเพื่อสาธารณะและเพื่อชาวนา 4 ล้านคนในอนาคต


logoline