นายปัณชพัฒน์ กล่าวว่า นายอัลฮลาบิ โมฮัมหมัด ยาสเซอร์ กับ นายอัลฮลาบิ โมฮัมหมัด วาเอล ลูกชาย อายุ 23 ปี ชาวซีเรีย มาอยู่ประเทศไทยได้ 3 ปี
โดยลูกชายผู้เสียหายทำงานเป็นช่างตัดผมในร้านทำผมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ต่อมาเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา นายวาเอลถูกอาสาสมัครตำรวจ พาตำรวจ สน.ลุมพินี มาจับกุม และนำตัวไปที่ สน.ลุมพินี โดยดำเนินคดีข้อหาอยู่อาศัยในประเทศไทยเกินระยะเวลาที่กำหนด โดยมี 3 คน อ้างว่าเป็นอาสาสมัครของ สน.ลุมพินี เรียกร้องเงินหลักแสนบาทแลกกับการปล่อยตัวลูกชาย ด้วยความเป็นพ่อ นายยาสเซอร์ ยอมจ่ายเงินไปหลายครั้ง รวมแล้วกว่า 550,000 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่มีการปล่อยตัวนายวาเอล เมื่อทวงถามกลับโดนตำรวจ สน.ลุมพินี จับกุมข้อหาเดียวกัน แต่นายยาสเซอร์จ่ายเงินอีก 150,000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี ขณะที่ตัวลูกชายถูกนำตัวส่งสถานกักตัวคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สวนพลู จึงมาร้องกระทรวงยุติธรรม ขอความเป็นธรรม เนื่องจากลูกชายถูกทำร้ายร่างกาย
"นายยาสเซอร์ และนายวาเอล มีหนังสือผู้ลี้ภัยที่ยูเอ็นเอสซีอาร์เป็นผู้ออกให้ สามารถลี้ภัยจนกว่าประเทศซีเรียจะสงบจากสงคราม ทั้งนี้ เท่าที่ทราบ พื้นที่ซอยนานามักจะมีเรื่องเรียกเก็บเงินจากชาวต่างชาติอยู่เป็นประจำ หากไม่จ่ายจะถูกตำรวจมาจับกุมไป" นายปัณชพัฒน์ กล่าว
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า หลังจากนี้จะประสานเรื่องดังกล่าวให้ทางสำนักงานป้องกันเละปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม การถือบัตรผู้ลี้ภัยไม่สามารถนำมาใช้แสดงเพื่อพักอาศัยในไทยได้ ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความเป็นธรรมเพื่อไม่ให้คนเหล่านี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ ยืนยันว่า ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย